คณะกรรมการสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐที่สืบสวนเหตุการณ์จลาจลเมื่อวันที่ 6 ม.ค. ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์เพื่อรับรองรายงานที่แนะนำให้ดำเนินคดีกับนายสตีฟ แบนนอน อดีตหัวหน้านักยุทธศาสตร์ของทำเนียบขาวและผู้ช่วยคนสนิทของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในข้อหาขัดขวางการทำงานของสภาคองเกรส
คณะกรรมการดังกล่าว ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกพรรคเดโมแครต 7 คน และสมาชิกพรรครีพับลิกัน 2 คน ลงมติรับรองรายงานที่เสนอให้ดำเนินคดีกับนายแบนนอน ด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 คะแนน โดยระบุว่า เป็นเรื่อง “น่าตกใจอย่างยิ่ง” ที่นายแบนนอนไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งศาลที่ร้องขอเอกสารและคำให้การ
การรับรองรายงานของคณะกรรมการ จะเปิดทางให้สมาชิกสภาผู้แทนทั้งหมดสามารถร่วมลงมติรับรองรายงานเดียวกันได้ เพื่อแนะนำให้ตั้งข้อหาขัดขวางการทำงานของสภาผู้แทนกับนายแบนนอน โดยจะมีการลงมติดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ (21 ต.ค.) ทั้งนี้ คาดว่าสภาผู้แทนซึ่งมีสมาชิกพรรคเดโมแครตเป็นเสียงส่วนใหญ่จะลงมติรับรองรายงานดังกล่าว ก่อนจะส่งต่อให้กระทรวงยุติธรรมตัดสินว่า จะมีการดำเนินคดีตามที่รายงานแนะนำหรือไม่
นายเบนนี่ ธอมป์สัน ประธานคณะกรรมการสภาผู้แทนในครั้งนี้ กล่าวว่า “ช่างน่าเศร้าที่คุณแบนนอนบังคับให้เราต้องทำเช่นนี้ แต่เราจะไม่ยอมรับคำปฏิเสธ”
การลงมติดังกล่าวเกิดขึ้นเพียง 1 วันหลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ยื่นฟ้องร้องคดีต่อสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติและคณะกรรมการสภาผู้แทนราษฎรที่เป็นผู้สืบสวนเหตุจลาจล 6 ม.ค. เพื่อสกัดไม่ให้สภาคองเกรสเข้าถึงเอกสารเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มผู้สนับสนุนอดีตปธน.ทรัมป์ได้บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา เพื่อขัดขวางการประกาศรับรองชัยชนะของนายโจ ไบเดนในการเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยเหตุการณ์รุนแรงดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 6 ราย ซึ่งรวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำอาคารรัฐสภา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ต.ค. 64)
Tags: สภาคองเกรส, สหรัฐ, เลือกตั้ง, โดนัลด์ ทรัมป์