ผลการศึกษาร่วมของกลุ่มมหาวิทยาลัยในสหรัฐ เปิดเผยว่า การตรวจเชื้อและการกักตัวผู้ป่วยโรคโควิด-19 ยังคงเป็นแนวปฏิบัติสำคัญสำหรับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ แม้จะมีอัตราการฉีดวัคซีนให้นักศึกษา 100% แล้ว
สำนักข่าวซินหัวรายงานผลการวิจัยร่วมโดยมหาวิทยาลัยฟลอริดาแอตแลนติก มหาวิทยาลัยดุ๊ก และมหาวิทยาลัยนอร์ธแคโรไลนา ซึ่งศึกษาข้อมูลจำลองของนักศึกษาระดับปริญญาตรี จำนวน 5,000 คน เพื่อประเมินระดับประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และยุทธศาสตร์ด้านการบรรเทาโรคระบาด
ผลการศึกษาในวารสารเจเอเอ็มเอ เฮลธ์ ฟอรัม (JAMA Health Forum) พบว่าหากประชาชน 100% ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพ 90% การตรวจโรคและการกักตัวจะไม่สัมพันธ์กับการลดลงของจำนวนผู้ป่วยอย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ดี หากประสิทธิภาพของวัคซีนลดลงเหลือ 75% การตรวจโรคทุกสัปดาห์จะสัมพันธ์กับการลดลงของจำนวนผู้ป่วยอย่างมีนัยสำคัญ และหากประสิทธิภาพลดลงเหลือ 50% การตรวจโรคและการกักตัวจะสัมพันธ์กับการลดลงของจำนวนผู้ป่วยคาดการณ์อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ยังมีคาดการณ์ว่า การตรวจโรคโควิด-19 จะช่วยลดจำนวนผู้ป่วยได้ถึง 93.6% หากประสิทธิภาพของวัคซีนอยู่ที่ 50-75%
ฟรานซิส มอตตา ผู้นำการวิจัยและรองศาสตราจารย์จากภาควิชาคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยฟลอริดาแอตแลนติก กล่าวว่า “การค้นพบดังกล่าวบ่งชี้ว่าการตรวจโรคโควิด-19 และการกักตัวผู้ป่วย ยังคงเป็นยุทธศาสตร์บรรเทาโรคระบาดที่มีความสำคัญ แม้นักศึกษาจะมีอัตราการรับวัคซีน 100%”
“ยุทธศาสตร์บรรเทาโรคโควิด-19 จะช่วยเพิ่มการมีปฏิสัมพันธ์ในกลุ่มประชากรนักศึกษาอย่างจำเป็น ดังนั้นหากไม่มีการตรวจโรค การจำกัดจำนวนผู้ป่วยในสถานศึกษาจะต้องพึ่งพาความสามารถของวัคซีนเป็นหลักเพื่อป้องกันการติดเชื้อและการแพร่เชื้อ”
มอตตากล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ต.ค. 64)
Tags: COVID-19, XINHUA, ฉีดวัคซีน, สหรัฐ, โควิด-19