พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ และแนวทางการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี พร้อมตรวจเยี่ยมการบรรเทาภัยและการฟื้นฟูผู้ประสบภัย ที่ศูนย์พักพิงโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำ อำเภอวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี โดยนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยสถานการณ์น้ำในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี เนื่องจากมีการประเมินสถานการณ์ว่ามวลน้ำหลากจากพื้นที่ ทั้ง จ.ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม และนครราชสีมา จะไหลมารวมที่ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
สำหรับการลงพื้นที่ครั้งนี้ เป็นการติดตามแนวทางการบริหารจัดการน้ำ และเร่งรัดการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตาม 10 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 64 ให้สามารถรับมือกับผลกระทบจากมวลน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจากการติดตามคาดการณ์สถานการณ์น้ำของจังหวัดอุบลราชธานี ทั้งในบริเวณพื้นที่ลุ่มน้ำชี และลุ่มน้ำมูลในระยะต่อจากนี้ พบว่า คาดการณ์ประเมินปริมาณน้ำจากแม่น้ำชี ผ่าน อ.เขื่องใน จะไปบรรจบลงแม่น้ำมูลที่ อ.เมืองอุบลราชธานี ประมาณ 900-1,000 ลบ.ม./วินาที ไปถึงช่วงวันที่ 24-29 ต.ค. 64
ทั้งนี้ กรมชลประทาน จะเร่งระบายมวลน้ำของแม่น้ำมูลลงแม่น้ำโขง ก่อนที่มวลน้ำจากแม่น้ำชีจะลงไหลลงไปสมทบภายหลังที่เมืองอุบลราชธานี ซึ่งจะไม่มีผลทำให้ปริมาณน้ำที่สถานี M.7 ล้นเอ่อท่วมในเขตเศรษฐกิจเมืองอุบลราชธานี ส่วนบริเวณลุ่มน้ำมูล สะพานเสรีประชาธิปไตย อ.เมืองอุบลราชธานี ระดับน้ำสูงสุดเมื่อวันที่ 4 ต.ค. 64 อยู่ที่ 7.49 เมตร (สูงกว่าตลิ่ง 0.49 เมตร) และปัจจุบันระดับน้ำอยู่ที่ 6.70 เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง 0.30 เมตร มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องวันละ 0.10-0.15 เมตร
ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังได้ดำเนินโครงการสำคัญ เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำชี และลุ่มน้ำมูล ทั้งการดำเนินงานในปัจจุบัน และแผนในระยะถัดไป โดยในช่วงปี 59-64 เกิดโครงการสำคัญรวม 34 โครงการ ครัวเรือนรับประโยชน์ 63,673 ครัวเรือน พื้นที่รับประโยชน์ 557,686 ไร่ ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นเกือบ 300 ล้าน ลบ.ม. เป็นโครงการป้องกันภัยน้ำท่วม 10 โครงการ สามารถป้องกันพื้นที่น้ำท่วมได้กว่า 3.7 แสนไร่ ตัวอย่างโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ เช่น โครงการอ่างเก็บน้ำลำเจียง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ, โครงการแก้มลิงแก่งน้ำต้อน, โครงการอ่างเก็บน้ำลำสะพุง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และโครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า บ้านหนองไหล เป็นต้น
นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวด้วยว่า รัฐบาลยังมีแผนดำเนินการโครงการสำคัญในปี 65-67 อีก 129 โครงการ ซึ่งอยู่ภายใต้แผนหลักการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ กลุ่มลุ่มน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และแผนปฏิบัติการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 5 ปี ครอบคลุมทั้ง 6 ด้าน สอดคล้องตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี ซึ่งเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จทำให้มีพื้นที่รับประโยชน์ 2.40 ล้านไร่ ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นเกือบ 2,000 ล้าน ลบ.ม.
โดยเป็นโครงการป้องกันภัยน้ำท่วม 20 โครงการ สามารถป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ 84,582 ไร่ เช่น
- โครงการผันน้ำ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์-ลำตะคอง
- โครงการบรรเทาอุทกภัย เทศบาลนครนครราชสีมา-อำเภอพิมาย และเพิ่มพื้นที่ชลประทานอำเภอโนนสูง
- โครงการประตูระบายน้ำลำน้ำเชิญ
- โครงการจัดหาน้ำดิบเพื่อผลิตน้ำประปาที่โรงกรองน้ำบ้านมะขามเฒ่า และ
- อ่างเก็บน้ำห้วยกระแหล่ง เป็นต้น
นายกรัฐมนตรี ยังได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการน้ำท่วมในช่วงนี้ โดยคำนึงถึงการเพิ่มการเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งต่อไป ควบคู่กับมอบหมายให้กรมชลประทาน ร่วมกับจังหวัดอุบลราชธานี และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง สร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับโครงการผันน้ำเลี่ยงเมืองอุบลราชธานี ตามแนวทางการบริหารจัดการน้ำหลากในเขตผังน้ำมูล-ชี ที่ สทนช. ดำเนินการศึกษา เพื่อให้หน่วยงานเกี่ยวข้องนำไปขับเคลื่อนสู่การปัญหาเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้อย่างยั่งยืน เช่น การประเมินระยะเวลาการเดินทางของน้ำตามลำน้ำเพื่อคาดการณ์ และเตือนภัยระดับและปริมาณน้ำ, ก่อสร้างแนวผันน้ำเพิ่มเติมในบริเวณชุมชนที่สำคัญบริเวณแม่น้ำมูลตอนล่าง, พัฒนาพื้นที่ลุ่มต่ำ (แก้มลิงธรรมชาติ) เป็นพื้นที่น้ำนอง และการบริหารจัดการร่วมกับเขื่อนระบายน้ำในแม่น้ำมูล เพื่อการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ได้ในระยะยาว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ต.ค. 64)
Tags: น้ำท่วม, บริหารจัดการน้ำ, ประยุทธ์ จันทร์โอชา, ผู้ประสบภัยน้ำท่วม, สทนช., สุรสีห์ กิตติมณฑล, อุทกภัย, อุบลราชธานี