นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) เปิดเผยว่า กรีณีที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เตรียมออกประกาศว่าด้วยสัญญาให้ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ จักรยานยนต์ รถแทรกเตอร์และเครื่องจักรกลการเกษตร ให้เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา และจะควบคุมเพดานอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 15% ต่อปี และห้ามเก็บหนี้ส่วนที่เหลือในกรณีที่ผู้เช่าซื้อใช้สิทธิเลิกสัญญาด้วยการส่งมอบรถ (คืนรถจบหนี้) นั้น
ธุรกิจสินเชื่อของ MTC พอร์ตหลักของบริษัทเน้นไปที่กลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนรถที่มีหลักประกันที่เป็นพอร์ตสินเชื่อส่วนใหญ่ของบริษัท แม้ว่าบริษัทจะมีสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์แต่เพิ่งเริ่มมาไม่ถึง 1 ปีอยู่บ้าง แต่เป็นสัดส่วนที่น้อยมากเพียง 3% ทำให้ประเด็นดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทน้อยมากและไม่มีนัยสำคัญต่อภาพรวมของธุรกิจของ MTC
“เรามีพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้ออยู่บ้างแต่น้อยมากแค่ 3% เพราะเราเพิ่งเริ่มทำมาไม่ถึง 1 ปี ผลกระทบจากประเด็นนี้ก็ไม่มีผลกระทบกับ MTC แน่นอน เพราะเราเน้นสินเชื่อจำนำทะเบียนที่มีหลักประกันเป็นหลัก จะเห็นว่าเราเปลี่ยนชื่อธุรกิจจากเมืองไทย ลีสซิ่ง มาเป็นเมืองไทย แคปปิตอล ซึ่งเรื่องที่สคบ.จะเข้ามาควบคุมนั้นไม่เกี่ยวและไม่กระทบกับเราโดยตรง”
นายปริทัศน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงติดตามประกาศของสคบ.ในประเด็นดังกล่าวจะเป็นอย่างไร เนื่องจากยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็นตัวเลขตามที่ปรากฎเป็นข่าวหรือไม่ และมองว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจจะเกิดขึ้นกลุมสินเชื่อเช่าซื้อเป็นหลัก เพราะกลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อถือเป็นตลาดที่ใหญ่มีมูลค่าหลักแสนล้านบาทและมีมานานมากในประเทศไทย แตกต่างจากกลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนที่มีหลักประกันที่มีมูลค่าตลาดน้อยกว่าค่อนข้างมากในหลักหมื่นล้านบาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ต.ค. 64)
Tags: MTC, ปริทัศน์ เพชรอำไพ, สคบ., สินเชื่อ, สินเชื่อเช่าซื้อ, หุ้นไทย, เมืองไทย แคปปิตอล