แนวโน้มดัชนีหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ รับนโยบายเปิดประเทศเชิงรุกหนุนตลาด

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้น่าจะแกว่งตัวแบบไซด์เวย์ แม้ว่าควรจะปรับตัวลงตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ ที่กังวลเรื่องของปัญหาเงินเฟ้อ จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างราคาน้ำมัน แต่เชื่อว่านโยบายการเปิดประเทศเชิงรุกของนายกรัฐมนตรี น่าจะเป็นปัจจัยที่ดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย พร้อมให้แนวรับแรกที่ 1,630 จุด และแนวรับถัดไปที่ 1,625 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,645 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้น่าจะ

แกว่งตัวแบบไซด์เวย์ แม้ว่าควรจะปรับตัวลงตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่กังวลเรื่องของปัญหาเงินเฟ้อจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างราคาน้ำมัน ส่งผลให้ตลาดภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ในวันนี้ก็เปิดมาเป็นลบ 0.6-1% เช่น ตลาดเกาหลี เป็นต้น

แต่เชื่อว่าตลาดหุ้นบ้านเราจะตอบรับในเชิงบวกจากนโยบายการเปิดประเทศเชิงรุกของนายกรัฐมนตรีที่ประกาศออกมาเมื่อคืน น่าจะเป็นส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และในตลาดหุ้นก็มีหุ้นหลายตัวที่ได้รับอานิสงส์จากนโยบายดังกล่าว จึงแนะนำการลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการ Reopening เช่น หุ้นกลุ่มค้าปลีก โรงแรม และสายการบิน

พร้อมให้แนวรับแรกที่ 1,630 จุด และแนวรับถัดไปที่ 1,625 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,645 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (11 ต.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,496.06 จุด ลดลง 250.19 ขุด หรือ -0.72% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,361.19 จุด ลดลง 30.15 จุด หรือ -0.69% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,486.20 จุด ลดลง 93.34 จุด หรือ -0.64%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 33,581.30 จุด ลดลง 10.41 จุด หรือ -0.29%, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 28,458.88 จุด ลดลง 39.32 จุด หรือ -0.14% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,995.95 จุด ลดลง 329.14 จุด หรือ -1.30%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (11 ต.ค.) 1,633.44 จุด ลดลง 5.97 จุด (-0.36%)

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 320.43 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 ต.ค.64

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (11 ต.ค.) ปิดที่ 80.52 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.17 ดอลลาร์ หรือ 1.5%

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (11 ต.ค.) อยู่ที่ 7.23 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 33.67 แข็งค่าจากวานนี้สวนทางตลาด ขานรับนโยบายเปิดประเทศ

– นายกฯ ออกแถลงการณ์ เปิดประเทศ 1 พ.ย. นำร่องเดินทาง 10 ประเทศ ไม่ต้องกักตัว ส่วนวันที่ 1 ธ.ค. ปลดล็อกเปิดสถานบันเทิง-นั่งดื่มแอลกอฮอล์ในร้านได้ รับเทศกาลเฉลิมฉลอง ขณะที่ ศบค.ประชุมวันที่ 14 ต.ค.นี้ สธ.ชง “ลดพื้นที่สีแดงเข้ม เพิ่มพื้นที่สีส้ม” ยกระดับมาตรการให้สอดคล้องสถานการณ์ หารือนำร่องท่องเที่ยว-โรงแรมใน กทม.จ่อเปิด

– “ประยุทธ์” ชู “อีวี-บีซีจี” ดันเป้า ไทยปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ ปี 2065 “ซีพี” เลิกใช้ถ่านหินปี 2022 ดันไบโอแมส โซลาร์เซลล์ แทน เล็งปลูกป่า 2 หมื่นไร่ลดคาร์บอนอีก 2 แสนตันปี 2030 “วราวุธ” ชง(ร่าง)ยุทธศาสตร์ระยะยาวปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ ของไทยในที่ประชุม COP 26 เดือน พ.ย.นี้ หนุนเอกชนชู “สิ่งแวดล้อม” ปัจจัยสำคัญเคลื่อนเศรษฐกิจ ตลท.ผนึก สภาอุตฯ ตั้ง “ตลาดคาร์บอนเครดิต”

– ตลท.เผยไตรมาส 4/64 ไอพีโอ จ่อเข้าเทรดแล้ว 11 บริษัท ทยอยขายหุ้นปลายปี 64-ต้นปี 65 พร้อมเปิดเผยความคืบหน้า หุ้นนิวอีโคโนมี พร้อมเข้าเทรดด้วยเกณฑ์มาร์เก็ตแคป 1 ราย คาดระดมทุนช่วงปลายปีนี้ หุ้นน้องใหม่ เข้าจดทะเบียนคึกคัก 9 เดือนแรก กว่า 20 บริษัท ดันมาร์เก็ตแคปเพิ่ม+ไอพีโอ 3.8 แสนล้าน

– ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ เผยพิษโควิดระลอก 4 กระทบดัชนีราคาบ้าน-คอนโด ไตรมาส 3 ลดลงต่อเนื่อง เหตุผู้ประกอบการหั่นราคาอัดโปรโมชั่น ของแถม กระตุ้นยอดขาย

– กกร.ปรับจีดีพีปีนี้เพิ่มเป็น 0.0-1% จากเดิม -0.5-1% เหตุมีปัจจัยบวกเพิ่มขึ้น ส่วนส่งออกคาดโต 12-14% ร่อนหนังสือขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีสัปดาห์นี้ หารือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสิ้นปีนี้ “บีโอไอ” ปลื้ม 9 เดือนแรกปีนี้ ยอดขอรับส่งเสริมทะลุ 520,680 ล้านบาท

– นายกรัณย์ สุทธารมณ์ รักษาการประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า พื้นที่ อ.ชะอำ จังหวัดเพชรบุรี พร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดส ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ โดยประชาชนในพื้นที่จะได้รับการฉีดครบเข็ม 2 เกิน 70% ภายในวันที่ 15 ต.ค.นี้ โดยได้กำหนด 4 รูปแบบ อาทิ การพักและท่องเที่ยวอยู่ในเขตเทศบาลเมืองชะอำ (Chaam Zone), การพักในโรงแรมและมีโปรแกรมเล่นกอล์ฟ ในเส้นทางท่องเที่ยวพิเศษที่กำหนด, การพำนักอยู่ในที่พัก หรือสนามกอล์ฟเพียงอย่างเดียว (ซีเล็กรูท)

หุ้นเด่นวันนี้

– AOT (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 78 บาท เป็นหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวที่ราคาหุ้นยัง Laggard และปรับขึ้นยังไม่ถึงช่วงก่อนเกิด Covid-19 AOT จะได้ประโยชน์คนแรกเมื่อมีการเปิดเมือง และเป็นหุ้น Big cap รองรับเงินทุนต่างชาติเมื่อมี Fund Flow ไหลเข้า

– JWD (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” เป้า 23 บาท เบื้องต้นคาดกำไร Q3/64 ทรงถึงลงเล็กน้อย Q-Q แต่ยังโตแรง Y-Y โดยธุรกิจคลังสินค้าและห้องเย็นยังโดดเด่น ขณะที่ธุรกิจขนส่งชิ้นส่วนยานยนต์ชะลอระยะสั้นจากปัญหา Chip ขาด แต่คาดกำไรกลับมาเร่งขึ้นอีกครั้งใน Q2/64 จาก High Season มองบวกต่อการเติบโตระยะยาวจากธุรกิจ Logistic ที่เป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจ รวมถึงการต่อยอดธุรกิจโดยเฉพาะการ Partnership กับผู้เล่นในอุตสาหกรรมอื่นๆ คาดกำไรปี 64-65 +74% Y-Y และ +13% Y-Y

– TRUE (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 4.50-4.70 บาท ให้ความสนใจการ Synergy ระหว่าง CP Group, การพัฒนา Financial Service ช่วยปลดล็อค Valuation กลุ่มสื่อสารในอนาคตที่เคยอิงการแข่งขันและรายได้จากการให้บริหารมือถือและอินเตอร์เน็ต ส่วนดีลรวม TRUE-DTAC คาด กสทช.ต้องเพ่งเล็งคาดไม่ง่าย ส่วนแนวโน้มรายได้บริการ Operator ฟื้นตัวตั้งแต่ Q3/64โควิดระลอกนี้นับว่าส่งผลต่อผู้ให้บริการมือถือจำกัด ทางข้างหน้าของกลุ่มสดใส TRUE มีจุดแข็งในการหาลูกค้ารายใหม่ Market Share กลุ่ม Mobile โตขึ้นเรื่อยๆ ด้าน Iphone13 และโทรศัพท์รุ่นใหม่จะขายดีช่วงปลายปีหนุนรายได้รวม

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ต.ค. 64)

Tags: , , ,
Back to Top