รายงานล่าสุดจากนิตยสารนิกเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) ระบุว่า ประเทศที่พัฒนาแล้วมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 หลายร้อยล้านโดสที่เสี่ยงหมดอายุก่อนส่งมอบให้ประชาชนในประเทศกำลังพัฒนาซึ่งเผชิญปัญหาใหญ่ในการจัดหาวัคซีนอยู่ในขณะนี้
รายงานดังกล่าวอ้างถึงบทวิเคราะห์จาก Airfinity บริษัทวิจัยของอังกฤษซึ่งเปิดเผยว่า วัคซีนประมาณ 100 ล้านโดสที่ประเทศสมาชิกกลุ่ม G7 รวมถึงสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ได้จัดซื้อหรือทำสัญญาไว้นั้นจะหมดอายุภายในสิ้นปีนี้ แม้ว่าประเทศเหล่านี้จะพิจารณาฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันเข็มที่ 3 แล้วก็ตาม
ขณะเดียวกัน วัคซีนรวมทั้งหมดราว 240 ล้านโดสในประเทศพัฒนาแล้วจะหมดอายุภายในสองเดือนข้างหน้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่การขนส่งวัคซีนต่อไปยังประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่นั้นทำได้ยาก
ข้อมูลของ Airfinity ระบุว่า วัคซีนในสต็อกของกลุ่ม G7 และสมาชิก EU จะมีปริมาณเกิน 1 พันล้านโดส เมื่อนับถึงสิ้นปี 2564 เนื่องจากปริมาณวัคซีนนั้นมีมากกว่าความต้องการ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่จัดส่งให้ประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยทั่วไปนั้นมักเก็บได้นาน 6-7 เดือน ขณะที่ญี่ปุ่นได้จัดซื้อหรือทำข้อตกลงจัดซื้อวัคซีน 560 ล้านโดส โดยในปัจจุบัน ญี่ปุ่นมีอัตราการฉีดวัคซีนครบสองโดสครอบคลุมประชาชนกว่า 60% แม้จะเริ่มฉีดวัคซีนได้ล่าช้ากว่ายุโรปและสหรัฐก็ตาม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ต.ค. 64)
Tags: ประเทศกำลังพัฒนา, ประเทศพัฒนาแล้ว, วัคซีนต้านโควิด-19, วัคซีนหมดอายุ