ตลท.เผย SET Index ก.ย.64 ลดลงจาก ส.ค.64 จากกังวลเฟดลด QE แต่วอลุ่มโตพุ่ง

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แถลงสรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์เดือน ก.ย.64 ว่า ณ สิ้นเดือน ก.ย.SET Index ปิดที่ 1,605.68 จุด ลดลง 2.0% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า เมื่อพิจารณาช่วง 9 เดือนแรก SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 10.8% ซึ่งถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 63 ได้แก่กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร และกลุ่มบริการ

ในเดือน ก.ย.64 คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปี 64 และ 65 จะขยายตัวใกล้เคียงกับที่คาดไว้ในการประชุมครั้งก่อน โดยคาดว่าเศรษฐกิจในระยะต่อไปจะได้รับผลบวกจากการกระจายวัคซีนที่เพิ่มขึ้นและการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เร็วกว่าคาด หลังยอดผู้ติดเชื้อลดลงจากระดับ 2 หมื่นคน/วัน มาสู่ระดับ 1 หมื่นคน/วัน แต่อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นว่าจะส่งผลกระทบต่อ GDP หรือไม่

และปัจจัยที่สร้างความไม่แน่นอนให้กับผู้ลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก ได้แก่ ราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นเป็น 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล สร้างความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่เร่งตัวขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจจะยกเลิกดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเร็วกว่ากำหนด

รวมไปถึงการปรับลดประมาณการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปีนี้และระยะข้างหน้า หลังจากรัฐบาลจีนใช้มาตรการควบคุมภาคอสังหาริมทรัพย์และเทคโนโลยี และยังเผชิญกับความวิตกกังวลเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของ China Evergrande บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของจีน อย่างไรก็ตามบริษัทจดทะเบียนไทยมีความแข็งแกร่งและสามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง

นายศรพล กล่าวว่า เงินเฟ้อที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ต่างกับเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นในช่วงต้นปี 64 ซึ่งเกิดจาก Pent up Demand ที่อั้นไว้ในปี 63 ทำให้การใช้จ่ายในสินค้าต่าง ๆ โดยเฉพาะรถยนต์และสินค้าอิเล็กโทรนิกส์พุ่งสูงขึ้นมาก ซึ่งนับว่าเป็นเงินเฟ้อที่ดี เพราะเกิดจากการจับจ่ายใช้สอยและจะเกิดขึ้นในระยะสั้นเท่านั้น แต่เงินเฟ้อที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เกิดจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และมีแนวโน้มจะเกิดในระยะยาว ซึ่งนักลงทุนต้องติดตามว่าแต่ละประเทศจะมีนโยบายรับมืออย่างไร

ด้านนายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท. กล่าวว่า ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 4/64 ขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งในปัจจุบันเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นแล้วทั้งในประเทศและต่างประเทศ และยังคงเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังมีจุดแข็งหลายจุดที่น่าสนใจ ทั้งธุรกิจที่เกี่ยวกับการส่งออกที่มีสินค้าหลากหลายมากขึ้น และสามารถขยายกิจการไปเจริญเติบโตในต่างประเทศได้

นอกจากนี้ยังมีจุดแข็งที่รอฟื้นตัวอย่างธุรกิจท่องเที่ยว บริการ และอาหาร ซึ่งปัจจุบันมีอัตราการกระจายวัคซีนที่เพิ่มขึ้น จึงเห็นแนวโน้มของการฟื้นตัวในธุรกิจดังกล่าวอย่างชัดเจน พร้อมทั้งยังมีจุดแข็งใหม่อย่างการสนับสนุนธุรกิจ SME และสตาร์ทอัพมากขึ้น ประกอบกับช่วงที่ผ่านมามีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไปมาก จึงเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังคงมีความน่าสนใจอยู่

 

ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทย

– ณ สิ้นเดือน ก.ย.64 SET Index ปิดที่ 1,605.68 จุด ลดลง 2.0% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า เมื่อพิจารณาช่วง 9 เดือนแรกปี 64 SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 10.8% จากสิ้นปี 63 ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ

– SET Index ใน 9 เดือนแรกปี 64 ได้แรงหนุนจากเกือบทุกอุตสาหกรรมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 ได้แก่กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร และกลุ่มบริการ

– ในเดือน ก.ย.64 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 100,827 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 110.5% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยใน 9 เดือนแรกปี 2564 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 96,463 ล้านบาท

– ผู้ลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิเป็นเดือนที่สองต่อเนื่อง โดยในเดือน ก.ย.64 ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 10,803 ล้านบาท ทั้งนี้ในช่วง 9 เดือนแรกปี 64 ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวม 79,172 ล้านบาท โดยผู้ลงทุนในประเทศมีสถานะเป็นผู้ซื้อสุทธิ 105,753 ล้านบาท นอกจากนี้ ตั้งแต่เดือน ก.พ.63 ที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ผู้ลงทุนในประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดมาอย่างต่อเนื่อง

– ในเดือน ก.ย.64 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนซื้อขายใหม่ใน SET 2 บริษัท และ ใน mai 2 บริษัท โดยใน 9 เดือนแรกปี 64 SET มีมูลค่าเสนอขายในตลาดแรก (IPO) สูงที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ใน ASEAN

– Forward และ Historical P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือน ก.ย.64 อยู่ที่ระดับ 18.9 เท่า และ 19.8 เท่าตามลำดับ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 14.9 เท่า และ 17.8 เท่าตามลำดับ

– อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือน ก.ย.64 อยู่ที่ระดับ 2.74% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 2.47%

ส่วนภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ในเดือน ก.ย.64 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 679,223 สัญญา เพิ่มขึ้น 43.6% จากเดือนก่อน และในช่วง 9 เดือนแรกของปี 64 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 550,194 สัญญา เพิ่มขึ้น 18.0% ที่สำคัญจากการเพิ่มขึ้นของ Single Stock Futures, Gold online futures และ USD Futures เป็นสำคัญ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ต.ค. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top