นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวแสดงความพร้อมในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งครั้งใหม่ โดยระบุว่าขณะนี้สภาผู้แทนราษฎรผ่านมาครึ่งเทอมแล้ว ดังนั้น พรรคต้องเตรียมความพร้อมสู้เลือกตั้งในทุกติกา และตลอดเวลา ทุกสถานการณ์ เพราะรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หมดความชอบธรรมไปนานแล้ว เหมือนสินค้าหมดหมดอายุ โดยเฉพาะผลจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา
นายพิธา กล่าวในเรื่องดังกล่าวระหว่างร่วมงานรำลึก 45 ปี 6 ตุลาฯ 2519 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดยระบุอีกว่า เหตุการณ์ 6 ตุลาฯ ที่วนมาทุกปี สะท้อนให้เห็นอดีตจนถึงปัจจุบันที่ยังคงมีความรุนแรงที่แยกดินแดง สิ่งที่พากลับมาแต่ละปีคือรากเหง้าของปัญหา ใน 45 ปีที่ยังไม่มีการชำระ เป็นความรุนแรงจากรัฐที่จัดการคนเห็นต่าง และวัฒนธรรมลอยนวลยังคงอยู่ ยังไม่มีผู้รับผิดต่อเหตุการณ์ โดยในเดือน ส.ค.ที่ผ่านมายังมีเยาวชนได้รับความรุนแรงบนท้องถนน และทางกฎหมาย โดยเฉพาะคดี 112 กว่า 148 คน รวมถึงมีผู้ถูกดำเนินคดีอีก 2,000 คดี สะท้อนว่ารัฐไทยยังไม่คิดที่จะรับฟังความในการเปลี่ยนแปลงของโลกสมัยใหม่ และไม่คิดจะประนีประนอม
แนวทางที่จะทำให้ความขัดแย้งทางการเมืองยุตินั้น พรรคก้าวไกลมองว่ารัฐต้องยุติความรุนแรงกับประชาชน เปิดพื้นที่ปลอดภัย ให้คนยุคนี้สามารถพูดความจริง และต้องแก้ที่กระบวนการทางการเมือง ยอมรับว่าการเห็นต่างในระบอบ ประชาธิปไตยเป็นเรื่องปกติ หากมีการผลักดันผ่านระบบรัฐสภาให้เกิดการรับผิดต่อเหตุการณ์เดือนตุลาฯ พรรคก้าวไกลก็พร้อมใช้เวทีรัฐสภา ขับเคลื่อนให้เกิดการรับผิดกับประชาชน
สำหรับกิจกรรมในวันนี้นอกจากนายพิธาแล้ว ยังมีนักการเมือง อดีตนักการเมือง และคนเดือนตุลาฯ เข้าร่วมด้วย อาทิ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ตัวแทนคณะก้าวหน้า, น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย, ตัวแทนพรรคไทยสร้างไทย, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนนำกลุ่ม นปช., นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคไทยรักษาชาติ เป็นต้น
ในพิธีมีการวางพวงมาลา ซึ่งกลุ่มทะลุฟ้านำพวงมาลาประดับรองเท้าคอมแบทเปื้อนเลือดระบุข้อความ “ใครฆ่าพี่เรา ไม่ลืม” พร้อมยืนสงบนิ่ง ขณะชูภาพผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์และป้ายข้อความ “6 ตุลา ลืมไม่ได้ จำไม่ลง” นอกจากนี้ยังนำหุ่นคล้ายศพมาสาดสีแดง พร้อมป้ายผ้า 112 มรดก 6 ตุลาฯ มาตั้งด้านหน้าคณะนิติศาสตร์
นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า รัฐบาลจะต้องยุติการใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุม เพราะเป็นการใช้กำลังเกินกว่าเหตุ และดำเนินคดีกับประชาชน ส่วนคดีความที่มีอยู่แล้วจะต้องใช้ระบบการเมืองในการแก้ปัญหา ไม่ใช่เรื่องอาชญากรรมที่จบกันที่ศาลอย่างเดียว หากดำเนินแบบนี้อยู่ หากยังมองเห็นเยาวชนเป็นภัยความมั่นคงทางสังคม สังคมก็จะเดินต่อไปไม่ได้ และต้องเปิดพื้นที่ทางการเมืองเพื่อหาจุดลงตัว และแนวทางอาจจะต้องไปถึงการนิรโทษกรรมหรือคดีโมฆะ
ด้าน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า กล่าวว่า วันนี้มารำลึกอดีตเพื่อส่งเสียงว่าอยากเห็นอนาคตแบบไหน สังคมอยากเห็นอนาคตที่โอบอ้อมอารี และอดทนอดกลั้นต่อความเห็นที่แตกต่าง และนี่คือสิทธิเสรีภาพที่ต้องการปกป้อง และมาเพื่อป่าวประกาศสังคมไทยที่อยากเห็นและสร้างไปด้วยกัน
น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า กล่าวว่า ขอฝากถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า 45 ปีผ่านไปก็ยังทำแบบเดิมกับการกระทำของผู้เห็นต่าง ประชาชนต่อสู้มา 45 ปี และจะต่อสู้ต่อไป เพราะอนาคตของประชาชนอยู่ในเรือนจำ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ต.ค. 64)
Tags: การเมือง, การเลือกตั้ง, ประยุทธ์ จันทร์โอชา, พรรคก้าวไกล, พิธา ลิ้มเจริญรัตน์, แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี