นางพิกุล ศรีมหันต์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจ เอสเอ็มอี ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวว่า ธนาคารห่วงใยลูกค้าและประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ และพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าเอสเอ็มอีของธนาคารอย่างเร่งด่วน ครอบคลุมทั้งกลุ่มผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทางตรง คือ สถานประกอบการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัยและทรัพย์สินของกิจการได้รับความเสียหาย และกลุ่มผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทางอ้อม คือ สถานประกอบการตั้งอยู่นอกพื้นที่ แต่มีคู่ค้าอยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัยส่งผลให้ธุรกิจของลูกค้าไม่สามารถดำเนินการตามปกติได้
ธนาคารจึงออกมาตรการพิเศษเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและคลายความกังวลใจให้กับลูกค้าเอสเอ็มอีโดยทันที ผ่าน 5 มาตรการหลัก ได้แก่ 1) พักชำระเงินต้น (Grace Period) สูงสุดนาน 6 เดือน 2) พักชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ไม่เกิน 3 เดือน 3) ยกเว้นการเรียกเก็บดอกเบี้ยผิดนัดชำระ (คิดอัตราดอกเบี้ยปกติ) สำหรับการผิดนัดชำระไม่เกิน 30 วัน 4)เพิ่มวงเงินหมุนเวียนชั่วคราว สูงสุด 20% ของวงเงิน Working Capital เดิมและไม่เกิน 10 ล้านบาท 5) วงเงินกู้สำหรับปรับปรุง ซ่อมแซม หรือซื้อทดแทนทรัพย์สินของกิจการที่เสียหายสูงสุด 20% ของวงเงินรวมเดิม สูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท ผ่อนชำระนานสูงสุด 7 ปี
นอกจากนี้ ในส่วนของลูกค้าสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการรายย่อย มีการช่วยเหลือด้วยมาตรการปรับลดอัตราผ่อนชำระต่องวด และ/หรือขยายเวลาผ่อนชำระยาวขึ้น
ธนาคารจะยังคงติดตามประเมินผลกระทบในระยะถัดไปอย่างใกล้ชิด หากสถานการณ์มีความรุนแรงและขยายวงกว้าง ก็พร้อมที่จะพิจารณาให้ความช่วยเหลือลูกค้าด้วยมาตรการเพิ่มเติมต่อไป เพื่อช่วยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถก้าวผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ด้วยดี และเดินหน้าธุรกิจต่อได้อย่างราบรื่นและเติบโตต่อไป
ลูกค้าเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบสามารถติดต่อรับขอมาตรการช่วยเหลือ ทั้งนี้ เกณฑ์การพิจารณาขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของลูกค้าแต่ละราย และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด โดยลูกค้าสามารถลงทะเบียนขอรับมาตรการช่วยเหลือได้จนถึงวันที่ 31 ต.ค.64
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ต.ค. 64)
Tags: SCB, ธนาคารไทยพาณิชย์, น้ำท่วม, พักชำระเงินต้น, พายุโซนร้อน, พิกุล ศรีมหันต์, อุทกภัย, เตี้ยนหมู่, เอสเอ็มอี