นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล แบบไม่ลงมติ มาตรา 152 ในสมัยประชุมหน้า ว่า เนื่องจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมารัฐบาล ไม่ได้แก้ไขอะไรนอกจากแก้ต่าง พูดเอาดีใส่ตัวแล้วโยนให้ข้าราชการประจำบ้าง ซึ่งในส่วนของตน โดยเฉพาะ 2 กระทรวงที่ได้อภิปรายไป คือ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่งคงของมนุษย์ (พม.) และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนั้น ซึ่งได้ทำหนังสือเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงแล้วถึง 3 ครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือ
“จะรอถึงวันที่ 5 ตุลาคม ซึ่งได้ส่งหนังสือถึงนายวราวุธ ศิลปอาชา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพย์ฯ และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งหาก 3 ครั้งไม่มา ก็ขออนุญาตใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของฝ่ายนิติบัญญัติ เนื่องจากเป็นเรื่องสาธารณะ และเป็นเรื่องที่ประชาชนสนใจ ฉะนั้นทั้งหมดที่เราทำงานกันช่วงปิดสมัยประชุมจะนำไปสู่การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่ลงมติ ในสมัยประชุมหน้า”
นายจิรายุ กล่าว
ดังนั้น จึงขอฝากไปยังส่วนราชการว่า อย่าคิดว่ากรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ไปร้องศาลรัฐธรรมนูญ ในกรณี พ.ร.บ.คำสั่งเรียกของวุฒิสภาและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีหลายมาตรา แต่ที่บังคับใช้ไม่ได้มีเพียง 2 มาตรา แต่มาตราสำคัญคือมาตรา 15 มีโทษจะและปรับยังคงบังคับใช้อยู่ หากไม่ส่งเอกสาร หรือมีเจตนาบิดพลิ้วที่จะไม่ให้ฝ่ายนิติบัญญัติที่มีหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายบริหาร มีโทษทั้งจำ และปรับ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ต.ค. 64)
Tags: การเมือง, จิรายุ ห่วงทรัพย์, พปชร., พรรคพลังประชารัฐ, พรรคเพื่อไทย, วิปฝ่ายค้าน, ส.ส., อภิปรายไม่ไว้วางใจ, ไพบูลย์ นิติตะวัน