ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในเมืองเมลเบิร์น รัฐวิกตอเรียเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยทางการระบุถึงสาเหตุว่ามาจากการรวมกลุ่มภายในบ้านอย่างผิดกฎหมายเพื่อดูการแข่งขันกีฬา ในขณะที่ออสเตรเลียยังคงมีการใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
เจ้าหน้าที่รัฐวิกตอเรียคาดการณ์ว่า ผู้ติดเชื้อเกือบ 1 ใน 3 ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,438 รายซึ่งพบเมื่อวานนี้ (30 ก.ย.) อาจมีความเชื่อมโยงกับการรวมกลุ่มสังสรรค์ในบ้านเพื่อชมการแข่งขันออสเตรเลี่ยน รูลส์ ฟุตบอล รอบแกรนด์ไฟนอลเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยจำนวนผู้ติดเชื้อดังกล่าวนั้นเพิ่มขึ้น 50% จากระดับที่พบเมื่อวันพุธ (30 ก.ย.) ซึ่งอยู่ที่ 950 ราย
ด้านเจ้าหน้าที่ยอมรับว่า สถานการณ์ดังกล่าวเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่ในการควบคุมการแพร่ระบาด ขณะที่รัฐบาลพยายามเร่งฉีดวัคซีนให้ประชากรวัยผู้ใหญ่ในรัฐซึ่งมีอยู่ราว 5.5 ล้านคน
ทั้งนี้ รัฐวิกตอเรียฉีดวัคซีนโดสแรกครอบคลุมครึ่งหนึ่งของประชากรที่อายุ 16 ปีขึ้นไป ขณะที่ค่าเฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ 53% โดยเจ้าหน้าที่ได้ร่นระยะห่างของการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์ลงเหลือ 3 สัปดาห์หลังจากที่ได้รับปริมาณวัคซีนเพิ่มขึ้น
เมืองซิดนีย์และเมลเบิร์น รวมถึงกรุงแคนเบอร์รา เมืองหลวงของออสเตรเลียยังคงอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์มาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ เพื่อสกัดการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกที่ 3 เนื่องจากเชื้อไวรัสเดลตาที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้รัฐบาลต้องเปลี่ยนกลยุทธ์จากการลดจำนวนผู้ติดเชื้อให้เป็นศูนย์ (Covid-zero strategy) มาเป็นการระดมฉีดวัคซีนแทนเมื่อยุติมาตรการล็อกดาวน์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ต.ค. 64)
Tags: COVID-19, รัฐวิกตอเรีย, ออสเตรเลีย, เมลเบิร์น, โควิด-19