ย้อนประวัติศาสตร์นับตั้งแต่ “บิทคอยน์” กำเนิดขึ้นมา “ประเทศจีน” ได้มีการประกาศแบน Cryptocurrency อย่างบิทคอยน์มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง และครั้งล่าสุดก็มีการประกาศแบนบิทคอยน์ และธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทางการประเทศจีนออกประกาศในลักษณะนี้ กลายเป็นประเด็นร้อนของรอบสัปดาห์ (27 ก.ย.-1 ต.ค.) ซึ่งที่ผ่านมาทางการประเทศจีนได้ประกาศแบนบิทคอยน์มาแล้วกี่ครั้ง และจะมีผลต่ออนาคตการเคลื่อนไหวของราคาบิทคอยน์อย่างไร ติดตามเนื้อหาแบบจัดเต็มผ่าน Crypto SHOT EP.20 ได้เลย
จีนแบนคริปโทฯ (อีกแล้ว)
อย่างที่ทราบกันว่าประเด็นที่ถูกจับจ้องกันอย่างมากในวงการครืปโทเคอร์เรนซี่เวลานี้คงต้องยกให้กับกรณีที่ทางการประเทศจีนได้ประกาศแบนคริปโทฯ รวมถึงธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับกับสินทรัพย์ดิจิทัลว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ประเทศจีนประกาศแบนคริปโทฯ
ย้อนรอยเมื่อปี ค.ศ.2009 ประเทศจีนได้เริ่มประกาศแบนบิทคอยน์ครั้งแรก หลังจากที่บิทคอยน์เพิ่งถือกำเนิดขึ้นได้เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น ซึ่งเนื้อหาในประกาศก็จะรวมถึงการห้ามใช้คริปโทฯ ในการชำระเงิน รวมถึงใช้จ่ายในชีวิตประจำวันด้วย
ต่อมาประเทศจีนก็ออกมาให้ข่าวโจมตีบิทคอยน์อย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น บิทคอยน์คือสกุลเงินที่ไม่มีมูลค่าจริง, การสั่งห้ามทำธุรกรรมด้วยบิทคอยน์, ธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโทฯถือเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย พร้อมสั่งปิดเว็บเทรดคริปโทฯ, ปิดเหมืองขุดมาแล้วกว่า 14 ครั้ง
และ ล่าสุด ประเทศจีนติดตั้ง Firewall เพื่อปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซด์ Coinmarketcap แล้วก็ Coingecko เว็บไซด์ข้อมูลของตลาดคริปโทฯ และเหรียญต่าง ๆ เป็นที่เรียบร้อย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการกระทำดังกล่าวจะสร้างความกังวลให้กับตลาดคริปโทฯ แต่ทางกลับกันพบสิ่งที่น่าสนใจคือ ราคาโทเคนของ “Uniswap” และ “Sushiswap” แพลตฟอร์ม Decentralized ชื่อดังต่างปรับตัวขึ้นกว่า 20% ภายใน 1 วัน สวนทางกับโทเคนของ Centralized Exchange ราคาปรับตัวลดลง เนื่องด้วยเหตุการณ์นี้ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตวงการ DeFi ว่าอาจแสดงถึงจำนวนผู้ใช้งานที่แห่หนีตายจากแพลตฟอร์ม Centralized มาใช้งานแพลตฟอร์ม Decentralized ก็เป็นได้
และหากย้อนมองสถิติ (ราคา) ย้อนหลังจะพบว่าช่วงที่ประเทศจีนมีการประกาศแบนคริปโทฯ ราคาบิทคอยน์มักจะปรับตัวร่วงลงรับข่าวเสมอ ก่อนจะปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงขนาดที่บิทคอยน์เคยทำราคาสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 64,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อ 1 BTC เลยทีเดียว
และถึงแม้บิทคอยน์จะถูกแบนจากประเทศจีนหลายต่อหลายครั้ง แต่บิทคอยน์ก็ยังสามารถอยู่รอดจนถึงทุกวันนี้ แถมยังมีมูลค่าเพิ่มขึ้น และมีการยอมรับเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ทั้งนี้ “Michale Saylor” ส่งข้อความผ่าน Twitter ระบุว่า “ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาไม่มีอะไรสร้างความมั่งคั่งได้มากไปกว่าเทคโนโลยีที่ถูกสั่งแบนในจีนอีกแล้ว” เช่นเดียวกับหนึ่งกูรูเมืองไทย คุณหนึ่ง ปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้งแพลต์ฟอร์ม ซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน สินทรัพย์ดิจิทัล “Satang Pro” ยังได้แชร์ข้อมูลทำให้เราได้เห็นมูลค่าการเติบโตของเหล่าเทคโนโลยีที่ถูกจีนแบนอีกด้วย
ถูกใจให้ทิปเป็นบิทคอยน์บน Twitter ได้แล้ว
Social Platform ชื่อดัง Twitter เปิดตัว Feature ใหม่ที่ผู้ใช้งานจะสามารถจ่ายทิปให้แก่ Content Creator ด้วยบิทคอยน์ได้แล้ว โดย Feature ดังกล่าวจะเริ่มใช้งานได้ภายในสัปดาห์นี้ สำหรับผู้ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS และผู้ใช้งาน Android ยังคงต้องรออีก 1-2 สัปดาห์ก็จะใช้งานได้เช่นกัน นับเป็นการเคลื่อนไหววงการ Social Media Platform อย่าง Twitter ที่เริ่มมีการยอมรับและใช้งานคริปโทฯอย่างบิทคอยน์ในระบบอย่างจริงจัง
ททท.เตรียมออก “TAT Coin” กระตุ้นท่องเที่ยวโตอีกครั้ง
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มีแผนการเตรียมออกโทเคน “TAT Coin” ที่มีลักษณะเป็น Utility Token เพื่อกระตุ้นอุสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยมีแผนการใช้งานหลังจากมีการเปิดประเทศแล้ว ซึ่ง ททท.ยังอยู่ระหว่างการหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ว่าจะสามารถออกโทเคนได้หรือไม่ เนื่องจาก ททท.เป็นหน่วยงานของรัฐ จึงต้องดูในส่วนของกฎหมายและเกณฑ์ต่าง ๆ ก่อนที่จะมีการออกเพื่อใช้งาน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ต.ค. 64)
Tags: bitcoin, Cryptocurrency, CryptoShot, TAT Coin, Twitter, คริปโทเคอร์เรนซี, จีน, ททท., ทวิตเตอร์, บิทคอยน์