กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์อุทกภัยจากอิทธิพลพายุ “เตี้ยนหมู่” ในช่วงวันที่ 23-27 ก.ย. 64 ว่าจากพายุดังกล่าวส่งผลให้เกิดอุทกภัยใน 27 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่, ลำพูน, ลำปาง, ตาก, สุโขทัย, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, พิจิตร, กำแพงเพชร, เลย, ขอนแก่น, ชัยภูมิ, นครราชสีมา, บุรีรัมย์, สุรินทร์, อุบลราชธานี, สระแก้ว, จันทบุรี, นครสวรรค์, อุทัยธานี, ชัยนาท, ลพบุรี, สุพรรณบุรี, สิงห์บุรี, อ่างทอง, พระนครศรีอยุธยา และนครปฐม รวมทั้งหมด 120 อำเภอ 417 ตำบล 1,933 หมู่บ้าน และ 1 เขตเทศบาล โดยประชาชนได้รับผลกระทบจำนวน 58,977 ครัวเรือน
ทั้งนี้ สถานการณ์ได้คลี่คลายแล้วใน 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่, ลำพูน, ลำปาง และบุรีรัมย์ อย่างไรก็ตามสถานการณ์อีก 23 จังหวัด ปัจจุบันภาพรวมสถานการณ์ในพื้นที่ระดับน้ำทรงตัว และยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ โดยอยู่ระหว่างการเร่งระบายน้ำ ซึ่ง ปภ. ได้ร่วมกับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือประชาชนต่อไป
สำหรับข้อมูลคาดการณ์และแจ้งเตือนภัยของวันที่ 27 ก.ย. 64 พื้นที่เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก ในภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดตาก (อ.แม่สอด พบพระ อุ้มผาง แม่ระมาด), เพชรบูรณ์ (อ.หนองไผ่ ชนแดน วังโป่ง), นครสวรรค์ (อ.แม่วงก์) และอุทัยธานี (อ.ลานสัก บ้านไร่ ห้วยคต) ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัดชัยภูมิ (อ.ภักดีชุมพล หนองบัวแดง เกษตรสมบูรณ์) และนครราชสีมา (อ.วังน้ำเขียว ครบุรี) ในส่วนภาคกลาง ได้แก่ จังหวัดสระแก้ว (อ.ตาพระยา), จันทบุรี (อ.ขลุง เมืองฯ มะขาม เขาคิชฌกูฏ โป่งน้ำร้อน) และตราด (อ.เขาสมิง บ่อไร่) และภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดพังงา (อ.ตะกั่วป่า ท้ายเหมือง กะปง)
ส่วนพื้นที่เฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมขัง ในภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดสุโขทัย (อ.ศรีสำโรง คีรีมาศ เมืองฯ), กำแพงเพชร (อ.ขาณุวรลักษบุรี โกสัมพีนคร เมืองฯ ปางศิลาทอง), พิจิตร (อ.บึงนาราง โพธิ์ประทับช้าง โพทะเล สามง่าม), ตาก (อ.สามเงา วังเจ้า),พิษณุโลก (อ.บางระกำ วังทอง), เพชรบูรณ์ (อ.เมืองฯ วิเชียรบุรี หล่มสัก หนองไผ่), นครสวรรค์ (อ.ลาดยาว หนองบัว แม่วงก์ เมืองฯ ชุมตาบง แม่เปิน ตาคลี พยุหะคีรี ไพศาลี ชุมแสง ท่าตะโก บรรพตพิสัย โกรกพระ ตากฟ้า) และอุทัยธานี (อ.ทัพทัน สว่างอารมณ์ เมืองฯ ลานสัก บ้านไร่)
ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัดเลย (อ.ภูกระดึง ด่านซ้าย), ร้อยเอ็ด (อ.เสลภูมิ), นครราชสีมา (อ.ด่านขุนทด สูงเนิน โนนไทย พระทองคำ เมืองฯ โนนสูง พิมาย ชุมพวง ลำทะเมนชัย เมืองยาง ปักธงชัย โชคชัย), ชัยภูมิ (อ.หนองบัวระเหว จัตุรัส เมืองฯ เนินสง่า บ้านเขว้า ภูเขียว บำเหน็จณรงค์คอนสาร ภักดีชุมพล หนองบัวแดง บ้านแท่น เทพสถิต คอนสวรรค์), ขอนแก่น (อ.โคกโพธิ์ไชย มัญจาคีรี ชุมแพ), สุรินทร์ (อ.สำโรงทาบ), ศรีสะเกษ (อ.ห้วยทับทัน กันทรารมย์) และอุบลราชธานี (อ.เมืองฯ วารินชำราบ)
ส่วนภาคกลาง ได้แก่ จังหวัดชัยนาท (อ.สรรพยา มโนรมย์ วัดสิงห์ เนินขาม หันคา), พระนครศรีอยุธยา (อ.เสนา ผักไห่ บางบาล พระนครศรีอยุธยา), ลพบุรี (อ.สระโบสถ์ ชัยบาดาล ลำสนธิ โคกสำโรง ท่าหลวง บ้านหมี่ โคกเจริญ หนองม่วง เมืองฯ พัฒนานิคม), สิงห์บุรี (อ.อินทร์บุรี เมืองฯ พรหมบุรี), อ่างทอง (อ.เมืองฯ ป่าโมก ไชโย วิเศษชัยชาญ), สุพรรณบุรี (อ.เมืองฯ บางปลาม้า สองพี่น้อง), กาญจนบุรี (อ.บ่อพลอย), นครปฐม (อ.บางเลน นครชัยศรี สามพราน), ปราจีนบุรี (อ.กบินทร์บุรี ศรีมหาโพธิ), สระแก้ว (อ.ตาพระยา โคกสูง) และจันทบุรี (อ.นายายอาม เขาคิฌกูฎ ขลุง มะขาม ท่าใหม่ แหลมสิงห์ เมืองฯ)
ในส่วนของพื้นที่เฝ้าระวังดินถล่ม ได้แก่ ภาคเหนือ จังหวัดตาก (อ.อุ้มผาง พบพระ), ภาคกลาง จังหวัดตราด (อ.เขาสมิง บ่อไร่) และภาคใต้ จังหวัดพังงา (อ.ท้ายเหมือง กะปง ตะกั่วป่า)
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการ เรื่องพื้นที่เฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์ฝนตกหนัก ปริมาณฝนสะสม โดยเฉพาะพื้นที่ชุมชนเมืองอาจได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขังระยะสั้นๆ พื้นที่ลุ่มต่ำ พื้นที่ลาดเชิงเขาที่อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก รวมทั้งอาจเกิดดินถล่ม พื้นที่ริมลำน้ำอาจได้รับผลกระทบจากน้ำล้นตลิ่งและน้ำท่วมในระดับสูง รวมทั้งให้ระวังอันตรายจากสัตว์และแมลงมีพิษ อันตรายจากกระแสไฟฟ้า รวมถึงการขับขี่พาหนะบริเวณน้ำไหลผ่านเส้นทาง
นอกจากนี้ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) จิตอาสา เครือข่ายอาสาสมัคร และองค์กรสาธารณกุศลได้เตรียมความพร้อมตามแผนเผชิญเหตุ เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ พร้อมประชาสัมพันธ์ และสร้างการรับรู้ให้กับชุมชน และหมู่บ้านในทุกช่องทาง ทั้งในรูปแบบที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ เช่น สื่อสังคมออนไลน์ วิทยุชุมชน หอกระจายข่าวหรือเสียงตามสายประจำหมู่บ้าน เป็นต้น เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบถึงแนวทางการปฏิบัติตนอย่างปลอดภัย
ด้านกรมชลประทาน เปิดเผยสถานการณ์อุทกภัยของวันที่ 27 ก.ย. 64 ว่ามีพื้นที่ประสบอุทกภัยรวมทั้งหมด 34 จังหวัด โดยปัจจุบันมีพื้นที่ประสบอุทกภัย 19 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก, ตาก, สุโขทัย, กำแพงเพชร, พิจิตร, เลย, ขอนแก่น, ชัยภูมิ, ร้อยเอ็ด, นครราชสีมา, ปราจีนบุรี, สระแก้ว, ชัยนาท, สุพรรณบุรี, พระนครศรีอยุธยา, สิงห์บุรี, อ่างทอง, อุทัยธานี และนครสวรรค์
ส่วนพื้นที่ที่เข้าสู่ภาวะปกติแล้วมีทั้งหมด 15 จังหวัด คือ จังหวัดเชียงราย, ลำพูน, ลำปาง, แพร่, ฉะเชิงเทรา, ตราด, ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี,เพชรบูรณ์, สมุทรปราการ, ระนอง, พังงา, นครศรีธรรมราช และตรัง
สำหรับพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยดังกล่าว ได้รับอิทธิพลพายุ และร่องมรสุม ประกอบด้วย
- อิทธิพลของร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรง (วันที่ 8-11 ก.ย. 64)
- อิทธิพลของย่อมความกดอากาศต่างกำลังแรง อ่อนกำลังลงจากพายุดีเปรสชัน “โกนเซิน” (CONSON) มีผลกระทบบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก (วันที่ 11-13 ก.ย. 64)
- อิทธิพลร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย (วันที่ 14-19 ก.ย. 64)
- อิทธิพลของร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน ภาคตะวันออก และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย (วันที่ 20-25 ก.ย. 64)
- อิทธิพลของพายุดีเปรสชัน “เตี้ยนหมู่” ที่เคลื่อนเข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณจังหวัดมุกดาหาร และอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่างกำลังแรงบริเวณจังหวัดขอนแก่น (วันที่ 24-25 ก.ย.64)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ก.ย. 64)
Tags: กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, น้ำท่วม, ปภ., อุทกภัย, เตี้ยนหมู่