แนวโน้มหุ้นไทยเช้านี้แกว่งกรอบแคบรอลุ้นวงเงินปรับลดQEของเฟด-จับตาเอเวอร์แกรนด์

นักวิเคราะห์ คาดแนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งตัวกรอบแคบ รอดูตัวเลขการปรับลด QE Tapering ของเฟดที่จะแถลงคืนนี้ หากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดมาปลายปี 65 จากเดิมคาดปี 66 ก็จะกดตลาดให้ต่ำกว่าระดับ 1,585 จุดได้ รวมทั้งประเด็นไชน่า เอเวอร์แกรนด์ที่ต้องติดตามว่าจะสามารถชำระหนี้ก้อนแรก 83.5 ล้านเหรียญสหรัฐในวันที่ 23 ก.ย.หรือไม่ ทั้งนี้คาดวันนี้อาจยังมีแรงเก็งกำไรหุ้น SCB ต่อ พร้อมให้แนวรับที่ 1,610 จุด และแนวต้านที่ 1,620 จุด

นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงดัชนี SET น่าจะแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบ เพื่อที่จะรอดูตัวเลขการปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE Tapering) ของการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะแถลงคืนวันนี้ โดยให้มุมมองว่า หากมีแถลงการณ์ปรับดอกเบี้ยขึ้นเร็ว จากเดิมในปี 66 มาเป็นปลายปี 65 เชื่อว่าตลาดหุ้นมีโอกาสสูงมากที่จะลงไปต่ำกว่า 1,585 จุด และอีกปัจจัยสำคัญ ยังต้องติดตามว่าบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์จะมีความสามารถในการชำระหนี้ก้อนแรก มูลค่าราว 83.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ในวันที่ 23 ก.ย. นี้ ได้หรือไม่

ทำให้เช้านี้ตลาดหุ้นเอเชียส่วนมากก็แกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบที่บวกลบ 0.5% รวมไปถึง ทองคำ, Dollar Index, บอนยีลด์ และตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็เริ่มกลับมาแกว่งอยู่ในกรอบแคบเช่นเดียวกัน

สำหรับคำแนะนำการลงทุน ต้องจับตาหุ้นกลุ่ม Bank คาดว่าวันนี้อาจจะยังเห็น SCB มีการเก็งกำไรกันต่อได้จากเมื่อวาน และอีกตัวที่น่าสนใจคือ TISCO เพราะเราประเมินแล้วว่า ไตรมาส 3-4/64 หุ้นกลุ่ม BANK อาจจะมี NPL ที่ปรับตัวขึ้น แต่คาดว่า TISCO น่าจะมี NPL อยู่ในระดับเดิมได้ และแนะนำลงทุน SCGP

พร้อมให้แนวรับที่ 1,610 จุด และแนวต้านที่ 1,620 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (21 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,919.84 จุด ลดลง 50.63 จุด (-0.15%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,354.19 จุด ลดลง 3.54 จุด (-0.08%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,746.40 จุด เพิ่มขึ้น 32.50 จุด (+0.22%)

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ 3,563.21 จุด ลดลง 50.76 จุด(-1.40%), ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 29,744.73 จุด ลดลง 94.98 จุด (-0.32%) และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดทำการวันนี้ (22 ก.ย.) เนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 ก.ย.) 1,614.86 จุด เพิ่มขึ้น 11.80 จุด (+0.74%)

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 789.29 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 ก.ย.64

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (21 ก.ย.) ปิด 70.56 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 27 เซนต์ หรือ 0.6%

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (21 ก.ย.) อยู่ที่ 5.31 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 33.38/40 แนวโน้มอ่อนค่า จับตาสัญญาณการทำ QE จากที่ประชุมเฟด

– ครม.เห็นชอบ ร่าง พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.โรคติดต่อ เพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการโควิด เปิดประเทศไร้รอยต่อ ชี้ใช้ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขแทน “พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” พร้อมคุ้มครองเจ้าพนักงานควบคุมโรค-เจ้าหน้าที่รัฐ-อสม.-กู้ภัย ย้อน 26 มี.ค.63 ไร้นิรโทษฝ่ายนโยบาย “วิษณุ” เผยรอสภาเห็นชอบ พ.ย.นี้ หากไม่ผ่านรัฐบาลต้องลาออก แสดงความรับผิดชอบ ด้าน สธ. คาด กทม.-ภูเก็ต โควิดจะเป็นโรคประจำถิ่น วางระบบหมอพร้อม เตือนคนรับวัคซีน มี.ค.-พ.ค.ให้บูสเตอร์โดส เข็ม 3 จำนวน 5 แสนคน ใน 1 เดือน

– ครม.จัดเต็มอนุมัติฟื้นฟูเศรษฐกิจ 1.7 แสนล้าน รักษาระดับการจ้างงาน พยุงกำลังซื้อ ปรับทัวร์เที่ยวไทย-เราเที่ยวด้วยกัน พร้อมลดประกันสังคม 3 เดือน เพิ่มกำลังซื้อ ไฟเขียวงบกลางเพิ่มช่วยบัตรคนจน 2.7 หมื่นล้าน ด้านนักลงทุนต่างชาติทิ้งบอนด์ หวังเก็งรัฐกู้เพิ่ม

– สมาคมประกันวินาศภัย ชง คปภ. ผ่อนปรนขยายเวลาใช้คาร์เรโช 120% เสริมสภาพคล่องบริษัทประกันอุ้มจ่ายเคลมช่วงโควิด พร้อมค้านให้ คปภ.จัดเรทติ้งบริษัทประกัน ด้าน คปภ.ปัดตั้งกองทุนประกันโควิด

– “บล.เอเซีย พลัส” เผย ตลท.เฮียริ่งปรับเกณฑ์คำนวณดัชนีดึง “ฟรีโฟลท-แคชบาลานซ์” ใช้คำนวณดัชนี “เซ็ท 50 – เซ็ท 100” ชี้ กลุ่มธนาคารได้ประโยชน์มากที่สุด เหตุ ฟรีโฟลทสูง ดันราคาหุ้นขึ้นยกแผง ด้าน “เดลต้า” ร่วง 10% หวั่นหลุดคำนวณดัชนี รอบเดือน ธ.ค.64 จากฟรีโฟลทต่ำ-ติดแคชบาลานซ์ถึง 7 เดือน “บล.โนมูระฯ” คาดเงินไหลออก 2.9 พันล้าน

– การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบในวงกว้าง รวมถึงภาคอสังหาฯ ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด และในพื้นที่ภาคอีสานก็ได้รับผลกระทบไม่น้อยเช่นกัน โดยช่วงครึ่งปีแรกนอกจากได้รับผลจากกำลังซื้อลดลงแล้ว ยังต้องเผชิญปัญหาแบงก์เข้มไม่ยอมปล่อยสินเชื่อ ทำให้ผู้ประกอบการต้องพยายามหาแนวทางแก้ไข รวมถึงการขอให้ภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ

– สัญญาณบวกจากการ “คลายล็อกดาวน์” และเดินหน้าเปิดประเทศไทย! หลังสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย ทำให้บรรดาภาคธุรกิจตื่นตัวเร่งเตรียมความพร้อมรองรับลูกค้าทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เป็นความหวังในการกลับเข้ามาเป็นหนึ่งในฟันเฟืองฟื้นกำลังซื้อ และเศรษฐกิจ

– รัฐบาลเร่งแก้กฎหมายล้มละลายรับมือธุรกิจเจอวิกฤตสภาพคล่อง เปิดช่องต่อลมหายใจ “เอสเอ็มอี” เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ไม่ให้ถูกฟ้องยึดทรัพย์ หรือล้มละลาย ปลดล็อก 3 เงื่อนไขหลัก “เอสเอ็มอีไม่ต้องจดทะเบียน สสว.-ศาลคุ้มครองชั่วคราวก่อนทำแผนฟื้นฟู-กระบวนการฟื้นฟูแบบเร่งรัด” เปิดทางให้เอสเอ็มอี 3 ล้านรายเข้าถึงการฟื้นฟูกิจการ เผยไตรมาส 2/64 สินเชื่อเอสเอ็มอีมีหนี้เสีย 2.42 แสนล้านบาท

หุ้นเด่นวันนี้

– SCB (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” เป้า 136 บาท คาดผลการดำเนินงาน Bottom Q3/64 ก่อนทยอยฟื้นตัวใน Q4/65 เป็นต้นไปตามการ Reopening ผู้บริหารตั้งเป้า ROE ฟื้นจาก 9% ใน 1H21 เป็น 10% ในปี 65 และ 14-15% ระยะยาว คาดกำไรปี 64-65 +18% Y-Y และ +14% Y-Y ตามลำดับ ระยะสั้นคาดมี Catalyst บวกจาก Event วันนี้คาดเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ภายใน และคาดเห็นความร่วมมือในการรุกธุรกิจเทคโนโลยีและดิจิทัลมากขึ้นอย่างมีนัย

– ERW (กรุงศรี) IAA Consensus 3.6 บาท ได้ Sentiment บวก ครม.เห็นชอบมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 และ ทัวร์เที่ยวไทย คาด ERW ได้ประโยชน์มากสุดเพราะมีสัดส่วนรายได้และโรงแรมในประเทศสูงสุดของกลุ่มที่ 90%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ก.ย. 64)

Tags: , , ,
Back to Top