นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า สนพ.เปิดรับฟังความคิดเห็น “กรอบแผนพลังงานชาติ” ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยคาดแผนพลังงานแห่งชาติ จะเริ่มใช้ได้จริงปี 2566 โดยการเปิดฟังความคิดเห็น “กรอบแผนพลังงานชาติ” นี้ เป็นไปตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้พิจารณาเห็นชอบกรอบแผนฯ ดังกล่าวเมื่อเดือนส.ค.2564 ที่ผ่านมา ซึ่งได้กำหนดแนวนโยบาย ภาคพลังงาน โดยมีเป้าหมายสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถมุ่งสู่พลังงานสะอาด และลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutrality) ภายในปี 2608-2613
ทั้งนี้ กพช.ได้มอบหมายให้กระทรวงพลังงานดำเนินการระยะเร่งด่วน อาทิ 1. จัดทำแผนพลังงานชาติ ภายใต้กรอบนโยบายที่ทำให้ภาคพลังงานขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจให้สามารถรองรับแนวโน้มการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ Neutral-Carbon Economy ได้ในระยะยาว
2. พิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดในรูปแบบต่างๆ และปรับลดสัดส่วนการรับซื้อไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ภายใต้ PDP2018 rev.1 ในช่วง 10 ปีข้างหน้า (2564-2573) ตามความเหมาะสม โดยให้นำหลักการวางแผนเชิงความน่าจะเป็นโอกาสเกิดไฟฟ้าดับ (LOLE) มาใช้เป็นเกณฑ์ แทนกำลังผลิตไฟฟ้าสำรอง (Reserve Margin) ซึ่งไม่สะท้อนผลจากความไม่แน่นอนของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่สูงขึ้นได้
3. ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานระบบสายส่งและจำหน่ายไฟฟ้าให้มีความยืดหยุ่น มีประสิทธิภาพ และครอบคลุมพื้นที่ศักยภาพของพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบต่างๆ เพื่อรองรับปริมาณกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในอนาคต และสามารถตอบสนองต่อการผลิตไฟฟ้าได้อย่างทันท่วงทีโดยไม่กระทบกับความมั่นคงของประเทศ
โดย สนพ. จะเริ่มเปิดรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชน และสื่อมวลชน หลังจากนั้นจะนำมาปรับปรุงแผนฯ และมอบหมายให้แต่ละหน่วยงานนำแผนฯ ไปจัดทำแผนย่อย ซึ่งมีทั้งหมด 5 แผน ได้แก่ แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ PDP 2022 และ แผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ หรือ Gas Plan โดย สนพ. เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก หรือ AEDP และแผนอนุรักษ์พลังงาน หรือ EEP กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนแผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง หรือ Oil Plan ทางกรมธุรกิจพลังงาน เป็นผู้รับผิดชอบ
ทั้ง 5 แผน จะถูกรวบรวมและจัดทำให้เป็นแผนพลังงานชาติเพียงฉบับเดียว โดยหลังจากนั้นจะเปิดรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนในสังคม เพื่อให้ได้แผนพลังงานชาติที่ประชาชนมีส่วนร่วมตั้งแต่ขั้นเริ่มต้นจัดทำแผนฯ ร่วมกันกำหนดทิศทางให้นโยบายด้านพลังงานของประเทศไทย และจะนำเสนอ กบง. และกพช. ตามลำดับต่อไป
นายวัฒนพงษ์ คาดว่าแผนพลังงานชาติ เริ่มใช้ได้จริงปี 2566 โดยยืนยันว่าการจัดทำแผนดังกล่าวยังเป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่เสนอ กพช. ทั้งนี้ การเปิดรับฟังความเห็นกรอบแผนพลังงานแห่งชาติ จะเป็นกรอบและทิศทางของแผนฯ ที่จะมุ่งสู่พลังงานสะอาดมากขึ้น และเพื่อแสดงถึงจุดยืนและการเตรียมการในการปรับเปลี่ยนให้รองรับแนวโน้มการเปลี่ยนผ่านระบบเศรษฐกิจสู่เศรษฐกิจแบบคาร์บอนต่ำ (Neutral-carbon economy) การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยและโอกาสในการดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศที่มีนโยบายมุ่งเน้นการใช้พลังงานสะอาด โดยเฉพาะภายในช่วงเวลา 1-10 ปี ข้างหน้า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ก.ย. 64)
Tags: ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์, พลังงาน, วัฒนพงษ์ คุโรวาท, สนพ., สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน