น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลัง จะเปิดให้ประชาชนใช้สิทธิซื้ออาหารและเครื่องดื่ม จากร้านอาหารและเครื่องดื่มที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ผ่านผู้ให้บริการระบบขนส่งอาหาร (Food Delivery Platform) ตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2564 โดยรัฐจะสนับสนุนเงินในส่วนค่าอาหารและ/หรือเครื่องดื่มเท่านั้น ไม่รวมถึงค่าจัดส่งหรือค่าใช้จ่ายอื่นใด ซึ่งขณะนี้มีผู้ให้บริการ Food Delivery Platform ที่ได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการฯ แล้ว 2 ราย และอยู่ระหว่างเชื่อมโยงระบบกับโครงการฯ ได้แก่
(1) Grab โดยจะเก็บค่าธรรมเนียมหรือส่วนแบ่งการขาย (Gross Profit: GP) จากร้านอาหารและเครื่องดื่มในโครงการฯ ไม่เกิน 20% และลดค่าจัดส่งอาหารและเครื่องดื่มให้แก่ประชาชน 25 บาท เมื่อสั่งซื้อขั้นต่ำ 150 บาท สำหรับการสั่งซื้ออื่น ๆ ที่ไม่ใช่จากโครงการฯ
(2) LINEMAN โดยจะเก็บ GP จากร้านอาหารและเครื่องดื่มในโครงการฯ ไม่เกิน 20% และสนับสนุนค่าจัดส่งอาหารและเครื่องดื่มในโครงการฯ ให้แก่ประชาชน 35-50 บาทต่อครั้ง หรือไม่เกิน 2,000 บาทตลอดระยะเวลาโครงการฯ พร้อมสื่อส่งเสริมการตลาดและส่วนลดสำหรับลูกค้าเพื่อเพิ่มยอดขายให้แก่ร้านค้า
สำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่มในโครงการฯ ที่ประสงค์จะขายอาหารและเครื่องดื่มผ่านผู้ให้บริการ Food Delivery Platform สามารถสมัครผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ได้ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2564 เป็นต้นไป โดยสามารถเลือกเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการ Food Delivery Platform เพื่อขายอาหารและเครื่องดื่มตามโครงการฯ ได้เพียงรายเดียว โดยสามารถตรวจสอบหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแต่ละโครงการได้ที่ www.คนละครึ่ง.com และ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้มีมติรับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ (คณะกรรมการฯ) ที่ได้มีมติเห็นชอบการปรับปรุงรายละเอียดโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ดังนี้
1. โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 ปรับลดจำนวนกลุ่มเป้าหมายผู้ได้รับสิทธิจากเดิม 31 ล้านสิทธิ เป็น 28 ล้านสิทธิ
2. โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ปรับลดจำนวนกลุ่มเป้าหมายผู้ได้รับสิทธิจากเดิม 1.4 ล้านสิทธิ เป็น 1 ล้านสิทธิ
ทั้งนี้ การปรับลดดังกล่าว จะทำให้มีสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 คงเหลือประมาณ 1 ล้านสิทธิ และสิทธิโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้คงเหลือประมาณ 5 แสนสิทธิ ซึ่งจากข้อมูล ณ วันที่ 20 กันยายน 2564 โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสมจำนวน 24.22 ล้านราย โดยมียอดการใช้จ่ายสะสมรวม 66,366.5 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่ายสะสม 33,761.7 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 32,604.9 ล้านบาท ในส่วนของโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มีผู้ใช้สิทธิสะสมจำนวน 75,582 ราย โดยเป็นยอดการใช้จ่ายส่วนประชาชนสะสมรวม 2,182 ล้านบาท และยอดใช้จ่ายส่วน e-Voucher สะสม 90.7 ล้านบาท
โดยในวันที่ 1 ตุลาคม 2564 กระทรวงการคลัง จะโอนวงเงินสนับสนุนให้แก่ผู้ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 รอบที่ 2 เพิ่มเติม จำนวน 1,500 บาท โดยนำไปรวมกับวงเงินสิทธิคงเหลือจากรอบแรกให้อัตโนมัติ ทั้งนี้ ประชาชนยังคงสามารถใช้จ่ายในโครงการต่าง ๆ ได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ก.ย. 64)
Tags: Grab, LINEMAN, กระทรวงการคลัง, กุลยา ตันติเตมิท, คนละครึ่ง, ยิ่งใช้ยิ่งได้, สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง