น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้ทบทวนมติ ครม. เรื่องการแก้ไขปัญหาขาดแคลนแพทย์ โดยกำหนดคุณสมบัติของนักศึกษาแพทย์ผู้ทำสัญญาการเป็นนักศึกษาแพทย์ที่เข้าปฏิบัติงานชดใช้ทุน ดังนี้ นักศึกษาทุกคนจะต้องทำสัญญาเป็นข้อผูกพันว่า เมื่อสำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต และได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม จึงจัดสรรให้ไปปฏิบัติงานชดใช้ทุน และต้องทำงานให้แก่ราชการเป็นเวลา 3 ปี ต่างจากเดิมที่ไม่ได้กำหนดเรื่องที่จะต้องได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมไว้
สำหรับข้อกำหนดเรื่องใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมนั้น มีการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ตามข้อบังคับแพทยสภาในปี 2546 จากเดิมที่กำหนดให้ผู้สำเร็จการศึกษาแพทยศาสตร์ทุกรายเป็นผู้มีใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เป็นกำหนดใหม่ว่า จะต้องผ่านการสอบวัดความรู้ตามที่แพทยสภากำหนดก่อนจึงจะได้รับใบอนุญาตฯ ดังกล่าว
ทั้งนี้ ในปัจจุบันมีสถาบันการศึกษาภาครัฐที่ผลิตแพทยศาสตรบัณฑิตจำนวน 20 แห่ง ในปีงบประมาณ 2562-2564 มีผู้สำเร็จการศึกษาเฉลี่ยปีละ 2,625 คน โดยปฏิบัติงานชดใช้ทุนในส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่นเฉลี่ยปีละ 585 คน คิดเป็น 22.29% ปฏิบัติงานในกระทรวงสาธารณสุขเฉลี่ยปีละ 2,026 คน คิดเป็น 77.18% และมีผู้ชดใช้ค่าปรับแทนการปฏิบัติงานชดใช้ทุนเฉลี่ยปีละ 14 คน คิดเป็น 0.53%
อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขได้รวบรวมและวิเคราะห์จำนวนนักศึกษาแพทย์ที่สำเร็จการศึกษาแต่ไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม พบว่า มีผู้สอบไม่ผ่านใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ปีงบประมาณ 2562 จำนวน 171 คน คิดเป็น 6.5% ปีงบประมาณ 2563 จำนวน 231 คน คิดเป็น 8.76% และปีงบประมาณ 2564 จำนวน 299 คนคิดเป็น 11.45% ซึ่งจะเห็นว่ามีแนวโน้มสูงขึ้น
โดยส่วนราชการหรือหน่วยงานจะส่งตัวนักศึกษาแพทย์ที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมคืนมาปฏิบัติงานชดใช้ทุนในกระทรวงสาธารณสุข ทำให้แพทย์ที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมต้องมาปฏิบัติงานในตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุข ซึ่งไม่สามารถปฏิบัติงานในหน้าที่แพทย์ได้ ทำให้กระทรวงสาธารณสุขไม่มีตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขเพียงพอในการบรรจุนักศึกษาแพทย์ดังกล่าว รวมทั้งยังสูญเสียโอกาสในการบรรจุอัตรากำลังในตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขจากสาขาอาชีพอื่นที่เกี่ยวข้อง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ก.ย. 64)
Tags: กระทรวงสาธารณสุข, ทุนนักศึกษาแพทย์, ประชุมครม., มติคณะรัฐมนตรี, แพทยสภา, ไตรศุลี ไตรสรณกุล