ราคาหุ้นไชน่า เอเวอร์แกรนด์ ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของจีน ทรุดตัวลงกว่า 17% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นฮ่องกงช่วงเช้านี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า ความเสี่ยงที่เอเวอร์แกรนด์จะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้นั้น อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจในภาคส่วนอื่นๆเป็นวงกว้าง
ราคาหุ้นของบริษัทในเครือเอเวอร์แกรนด์ร่วงลงเช้านี้เช่นกัน ซึ่งรวมถึงบริษัทในเครือด้านบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์, บริษัทรถยนต์ไฟฟ้า และบริษัทสตรีมมิ่งภาพยนตร์
เอเวอร์แกรนด์ ยอมรับว่าบริษัทกำลังเผชิญปัญหาสภาพคล่อง และอาจไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด นอกจากนี้ เอเวอร์แกรนด์ยังได้แจ้งระงับการซื้อขายหุ้นกู้ภายในประเทศของทางบริษัท ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่าอาจปูทางไปสู่การปรับโครงสร้างหนี้ หรืออาจนำไปสู่การผิดนัดชำระหนี้
สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป (China Evergrande Group) ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของจีน ลงสู่ระดับ CC จากระดับ CCC โดยให้แนวโน้มการจัดอันดับความน่าเชื่อถือเป็นลบ เนื่องจากสภาพคล่องของเอเวอร์แกรนด์ลดน้อยลง และบริษัทมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งรวมถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับโครงสร้างหนี้
ด้านฟิทช์ เรทติ้งส์ก็ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของเอเวอร์แกรนด์ลงสู่ระดับ CC จากระดับ CCC+ พร้อมกับเตือนว่า การผิดนัดชำระหนี้ของเอเวอร์แกรนด์จะทำให้ธุรกิจในภาคส่วนต่างๆ ของจีนมีความเสี่ยงด้านสินเชื่อเพิ่มขึ้น โดยฟิทช์ระบุว่า เอเวอร์แกรนด์ได้กู้ยืมเงินจากธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินต่างๆ จำนวน 5.72 แสนล้านหยวน (ประมาณ 8.88 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ)
สถานะทางการเงินของเอเวอร์แกรนด์เริ่มสั่นคลอน หลังจากที่รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการควบคุมภาวะร้อนแรงของภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งสกัดการก่อหนี้ของบริษัทขนาดใหญ่ในภาคดังกล่าว ทั้งนี้ ภาคอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นเสาหลักสำคัญในการขยายตัวของจีน โดยมีสัดส่วนผลผลิตทางเศรษฐกิจสูงเกือบ 30% ซึ่งการล้มละลายของเอเวอร์แกรนด์จะส่งผลกระทบลุกลามไปยังบริษัทอื่นในภาคอสังหาริมทรัพย์ และสร้างความเสี่ยงต่อระบบธนาคารของจีน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ก.ย. 64)
Tags: ชำระหนี้, หุ้นร่วง, อสังหาริมทรัพย์, เอเวอร์แกรนด์, ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป