นายธิติพัฒน์ นานานุกูล ผู้ช่วยการรมการผู้จัดการ สายงานการเงินและบัญชี บมจ.ซีเค พาวเวอร์ (CKP) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำหลวงพระบางใน สปป.ลาว ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาในหลายๆ ด้าน ทั้งสิ่งแวดล้อม และสังคม รวมถึงเจรจาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสัญญาซื้อขายไฟฟ้า Feed-in Tariff (FiT) กับทางฝั่งไทย และสัญญา position agreement กับรัฐบาลลาว คาดว่าจะเห็นความชัดเจนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเข้าทำสัญญาสัมปทาน หรือการ MOU Tariff ในปลายปีนี้
ขณะที่พันธมิตรร่วมลงทุนในโครงการดังกล่าว ปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจน แต่เบื้องต้นจะมีกลุ่ม บมจ.ช.การช่าง (CK) และทางรัฐบาลลาว และรัฐบาลเวียดนาม ถือหุ้นอยู่ โดยจะมีวงเงินลงทุนโครงการราว 150,000-160,000 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมองโอกาสในการขยายการลงทุนในไทย ในส่วนของโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Private PPA ) รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าประเภท greenfield, brownfield โดยจะพิจารณาถึงผลตอบแทนที่เหมาะสม
ด้านผลประกอบการปีนี้ บริษัทฯ คาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตประมาณ 10-20% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเป้าหมายเดิมที่คาดไว้ราว 10-15% เนื่องด้วยแนวโน้มผลประกอบการในครึ่งปีหลังนี้คาดว่าจะเติบโตกว่าครึ่งปีแรก หลังเข้าสู่ช่วงฤดูฝนทำให้ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเพื่อใช้ผลิตไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่าในช่วงไตรมาส 3/64 กำลังการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าไซยะบุรีจะทำจุดสูงสุด ส่วนโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 ยังต้องรอดูปริมาณน้ำที่ไหลเข้าอ่างในช่วงที่เหลือของปีนี้ หลังจากในช่วงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมายังไม่ได้ตามคาด
นายธิติพัฒน์ กล่าวอีกว่า บริษัทยังมีแผนเสนอขายหุ้นกู้มูลค่า 2,000 ล้านบาท เพื่อจ่ายคืนเงินกู้ระยะสั้นจากสถาบันการเงิน หลังจากได้เข้าซื้อหุ้น บริษัท ไซยะบุรี พาเวอร์ จำกัด (XPCL) จากบริษัท พีที จำกัด เพิ่มเติมในส่วนสัดส่วน 5% ของทุนจดทะเบียน มูลค่า 1,826 ล้านบาทในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้บริษัทถือหุ้นใน XPCL เพิ่มจาก 37.50% เป็น 42.50%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.ย. 64)
Tags: CKP, ซีเค พาวเวอร์, ธิติพัฒน์ นานานุกูล, หุ้นไทย, โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ