RCL เผยกลยุทธ์เร่งเครื่องลุย H2/64 เสริมทัพเรือใหม่พร้อมรับเทรนด์ High Demand

นายทวินโชค ตันธุวนิตย์ ผู้อำนวยการอาวุโสหัวหน้าภูมิภาค ปฏิบัติการและธุรกิจ บมจ.อาร์ ซี แอล (RCL) เปิดเผยว่า จากผลประกอบการไตรมาส 2/64 บริษัทมีกำไร 3.2 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 14 เท่าของผลประกอบการในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว เป็นผลมาจากธุรกิจการขนส่งสินค้าทางเรือมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นจากความต้องการขนส่งสินค้าประเภท สินค้าอุปโภค เวชภัณฑ์ และสินค้าจากอีคอมเมิร์ซที่เพิ่มสูงขึ้นในสถานการณ์โควิด-19 อีกทั้งคาดว่าจะยังคงสูงต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 3/64 และไตรมาส 4/64 ประกอบกับการที่หลายท่าเรือสำคัญในต่างประเทศ ติดขัด หนาแน่นทำให้การหมุนเวียนช้าลง จึงทำให้ขาดแคลนจำนวนตู้คอนเทนเนอร์และเรือ ทำให้แนวโน้มค่าระวางจะสูงขึ้น

บริษัทได้เล็งเห็นถึงอัตราการเจริญเติบโตของปริมาณสินค้าในถูมิภาคเอเชียที่จะเติบโตสูงสุดในโลกในเวลาอันใกล้ โดยจะมีสามเสาหลัก จีน อาเซียน และ อินเดีย ดังนั้นทางบริษัทจึงให้ความสนใจในการลงทุนกองเรือที่จะมาให้บริการในภูมิภาคนี้มากขึ้น นอกจากธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเลแล้ว บริษัทในกลุ่มยังดำเนินธุรกิจแบบครบวงจร ได้แก่ บริหารท่าเรือ คลังสินค้า ลานตู้คอนเทนเนอร์ ขนส่งทางบกและทางน้ำในประเทศ และยังขยายการให้บริการโลจิสติกส์ในประเทศอื่นๆที่อยู่ในภูมิภาคเอเชีย เช่น จีน และอินเดีย

ขณะเดียวกันบริษัทมีนโยบายในการสนับสนุนการบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด ได้สนับสนุนSea Group (Garena, Shopee, SeaMoney) ในการขนส่งถังออกซิเจน จำนวน 1,500 ถัง จากประเทศจีน ด้วยเรือ METHI BHUM เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด ในประเทศไทย โดยบริษัทฯ เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการขนส่งทางเรือ ดำเนินพิธีการขาเข้าและมีแผนจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายรวมถึงการขนส่งเพื่อกระจายถังออกซิเจนไปยังโรงพยาบาลที่มีความต้องการความช่วยเหลือภายในเดือนก.ย. 64 เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคมในครั้งนี้ด้วย

“เพื่อการบริหารที่แม่นยำและฉับไวต่อสถานการณ์การแข่งขันของธุรกิจ มันเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งยวดที่จะนำระบบ IT ต่างๆ มาใช้ บริษัทฯ ได้พัฒนาระบบไม่ว่าจะเป็นระบบศูนย์กลางที่สร้างโปรแกรมใหม่ของ RCL ขึ้นเอง รวมถึงระบบที่นำจากภายนอกมาใช้ เช่น ระบบหุ่นยนต์ สำหรับทำงานซ้ำซาก ให้รวดเร็วขึ้น และ Business Intelligence ให้เป็นจุดรวมศูนย์และการแสดงข้อมูลของการปฏิบัติงานจากส่วนต่างๆ เพื่อการบริหารและเข้าถึงการแก้ปัญหาให้ครอบคลุมและรวดเร็ว และแม่นยำมากยิ่งขึ้น”

นายทวินโชค กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทพร้อมเสริมความแข็งแกร่งด้วยการซื้อเรือพร้อมใช้เพิ่มอย่างต่อเนื่องตลอดปี 64 ซึ่งได้ทำการซื้อเรือเข้ามาแล้ว 5 ลำ ขนาด 6,000TEUs 2 ลำ 3,000TEUs 2 ลำ และ 1,500TEUs 1 ลำ ล่าสุดเซ็นสัญญาสั่งต่อเรือใหม่อีก 2 ลำ เมื่อต้นเดือนส.ค.ที่ผ่านมา โดยเป็นเรือขนาด 12,000 TEUs เพื่อเตรียมรองรับขาขึ้นของธุรกิจเดินเรือใน 1-2 ปีนี้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.ย. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top