นักวิเคราะห์ มองแนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับตัวขึ้นได้ค่อนข้างดี เริ่มหันมาสนใจหุ้นกลุ่มเปิดเมือง ส่วนกลุ่มพลังงานวันนี้ได้รับปัจจัยหนุนจากราคาปรับตัวสูงขึ้นหลังแหล่งผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกรับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนไอดา และคาดทิศทางความต้องการใช้น้ำมันสูงขึ้น รวมทั้งกลุ่มขนส่งก็มีปัจจัยหนุนจากค่าขนส่งที่สูงขึ้น แนะติดตามผลประชุม ครม.ว่ามีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือไม่ พร้อมให้กรอบวันนี้ที่ 1,630-1,645 จุด
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบีเอสที คาดว่า ตลาดหุ้นไทยในวันนี้จะสามารถปรับตัวขึ้นได้ค่อนข้างดี โดยมองว่านักลงทุนเริ่มกลับมาให้ความสนใจกับหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับการเปิดเมืองมากยิ่งขึ้น และหุ้นในกลุ่มพลังงานที่ได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยแหล่งผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกยังคงได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนไอดา นอกจากนี้ตลาดยังคาดการณ์ว่าการผลิตน้ำมันในรัฐเท็กซัสอาจจะได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนนิโคลัสที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น และทิศทางความต้องการใช้น้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นด้วย
ในขณะเดียวกันกลุ่มการขนส่งจะได้รับปัจจัยหนุนจากค่าขนส่งที่ปรับตัวสูงขึ้นค่อนข้างมาก โดยให้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอะไรออกมาเพิ่มเติมหรือไม่ โดยให้กรอบการเคลื่อนไหววันนี้ไว้ที่ 1,630-1,645 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (13 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,869.63 จุด เพิ่มขึ้น 261.91 จุด (+ 0.76%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,468.73 จุด เพิ่มขึ้น 10.15 จุด (+ 0.23%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,105.58 จุด ลดลง 9.91 จุด (-0.07%)
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ 3,709.63 จุด ลดลง 5.74 จุด (-0.15%), ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ 30,584.77 จุด เพิ่มขึ้น 137.4 จุด (+0.45%) และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 25,827.70 จุด เพิ่มขึ้น 13.89 จุด (+0.05%)
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (13 ก.ย.) 1,633.76 จุด ลดลง 1.59 จุด (-0.10%)
– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 332.80 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 ก.ย.64
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (13 ก.ย.) ปิด 70.45 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 73 เซนต์ หรือ 1.1%
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (13 ก.ย.) อยู่ที่ 4.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 32.89/90 แนวโน้มอ่อนค่าให้กรอบ 32.85-33.10 รอดูเงินเฟ้อสหรัฐคืนนี้
– สมาคมธนาคารไทยเปิด 4 แนวทางขับเคลื่อน ธุรกิจผนึก”แบงก์ชาติ”วางระบบการเงินประเทศเข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มตัว เผย “กรุงไทย” เน้นนำเทคโนโลยีหนุนธุรกรรมการเงิน รองรับการแข่งขันกับผู้เล่นรายใหม่ “ไทยพาณิชย์” ตั้งเป้า 3-5 ปี เข้าสู่เทคคอมพานี ขณะที่ “ปิติ” ชี้บทบาทสถาบันการเงินต้องช่วยธุรกิจเอสเอ็มอีผลักดันเศรษฐกิจเติบโตยั่งยืน
– ‘บิ๊กตู่’ย้ำไร้รอยร้าว’บิ๊กป้อม’ หยอดหวานแค่เห็นหน้าก็รู้ใจ-โชว์กอดส่งขึ้นรถ เพื่อไทยฟัน 7 ส.ส.งูเห่า ‘ศรันย์วุฒิ-พรพิมล’ขับออก ที่เหลือภาคทัณฑ์-ตักเตือน ‘สุทิน’ยันมีคลิป-พยานมัดแจกเงิน 5 ล้าน กกต.เคาะวันเลือกตั้ง อบต.ทั่วประเทศ 28 พ.ย. เปิดรับสมัคร 11-15 ต.ค.นี้
– คลังย้ำ 1 ต.ค.โอนเงิน’คนละครึ่ง’อีก 1.5 พันบาท ให้ 27 ล้านคน อัดฉีดเงินเข้าระบบ 8 หมื่นล้าน ช่วยกระตุ้น ศก.ปลายปี ยังเปิดให้ลงทะเบียนต่อเนื่อง ‘ธอส.’ ปลื้มแห่ลงทะเบียน’บ้านล้านหลัง’เฟส 2 กว่า 4 หมื่นล้าน เกินวงเงินที่ตั้งไว้กว่าเท่าตัว
– นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.หรืออีอีซี) เปิดเผยผลการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมเห็นชอบปรับแผนการลงทุนในพื้นที่อีอีซีช่วง 5 ปี ระหว่างปี 65-69 ในมูลค่า 2.5 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มการลงทุนให้ได้อีกปีละ 500,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1.การขอส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) 250,000 ล้านบาท
– ททท.เสนอให้ ศบศ.เปิด 5 จังหวัด+สมุย พลัส แซนด์บ็อกซ์ วันที่ 1 ต.ค.นี้ เป็นมาตรฐานเดียวกันหมด “เที่ยวแบบไม่กักตัว” ต่อยอดความสำเร็จภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ แต่ต้องอยู่ในพื้นที่ที่กำหนด (Sealed Area) ของในแต่ละจังหวัด หลังประเมิน “สมุย พลัส โมเดล” ไม่เห็นผลชัดเจน
*หุ้นเด่นวันนี้
– FORTH (เคทีบีเอสที)”ซื้อ”เป้า 20.00 บาท คาดกลับมาโตโดดเด่นอีกครั้งตั้งแต่ปี 64 จากธุรกิจตู้ชงเครื่องดื่มอัตโนมัติ (เต่าบิน) เป็น S-Curve ใหม่ด้วยจุดเด่นชงกาแฟสดรสชาติและคุณภาพดีราคาจับต้องได้ ควบคู่กับเมนูเครื่องดื่มกว่า 100+ เมนู ทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค ปัจจุบันมีจำนวนตู้ 100 ตู้ ยอดขายเฉลี่ยราว 50 แก้ว/ตู้/วัน ประเมินเพิ่มเป็น 10,000 ตู้ในสิ้นปี 65 ส่งผลให้กำไรเพิ่มจากเต่าบิน 200 ล้านบาท ก่อนทยอยเพิ่มขึ้นตามจำนวนตู้ หนุนผลประกอบการกลับมาโตเด่นอีกครั้ง ในขณะที่ธุรกิจ EMS และ ES แนวโน้มรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ได้ รวมถึงงาน Backlog สูง 2.3 พันล้านบาท และ potential projects เข้าประมูลเพิ่ม 9.7 พันล้านบาท คาดประคองตัวได้ในปี 64-65 ส่งผลกำไรสุทธิโตโดดเด่นที่ +49% CAGR 2020-22E
– SMD (โกลเบล็ก) “ซื้อ” เป้า 17.50 บาท ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อรายได้และผลประกอบการในครึ่งหลังปี 64 เนื่องจากมี Backlog ณ มิ.ย.64 แล้วกว่า 300 ลบ. และมีโอกาสเติบโตจาก 1)กระทรวงมหาดไทยกำหนดให้อาคารสูงกว่า 8 ชั้นต้องมีเครื่องกระตุกหัวใจอัตโนมัติ หรือ AED และ 2)มีการนำเข้าชุดตรวจ COVID แบบ Rapid test มาจาหน่ายซึ่งอยู่ระหว่างขออนุญาตจากภาครัฐ ทั้งนี้จากผลประกอบการที่ดีกว่าที่เราคาดไว้และแนวโน้มการเติบโตที่ชัดเจน
– HFT (ดีบีเอส วิคเคอร์ส) “ซื้อ” เป้า 11.20 บาท คาดกำไรสุทธิปี 64-66 จะเติบโตเฉลี่ย 16% ต่อปี ได้ประโยชน์จากความนิยมปั่นจักรยานในยุโรป ขณะที่ประเด็นเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อม ลดผลกระทบ Climate change ช่วยหนุนให้มีการปั่นจักรยานมีมากขึ้น สำหรับผลประกอบการ Q3/64 คาดว่าจะอ่อนลง YoY และ QoQ เพราะผลกระทบจากโควิดระบาดระลอกที่ 4 แต่คาดว่า Q4/64 จะดีขึ้นและเติบโตได้ต่อเนื่องในปี 65-66
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.ย. 64)
Tags: ตลาดหุ้นไทย, บล.เคทีบีเอสที, มงคล พ่วงเภตรา, หุ้นไทย