บรรดาประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และชาติตะวันตกเรียกร้องให้ทุกฝ่ายในเมียนมาหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง และเปิดทางให้หน่วยงานความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปในประเทศได้ หลังจากที่รัฐบาลคู่ขนาน (NUG) ที่ก่อตั้งโดยกองกำลังเรียกร้องประชาธิปไตยของเมียนมาลุกฮือต่อต้านกองทัพเมียนมา
“ทุกฝ่ายต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและสวัสดิภาพของชาวเมียนมา” นายเตอูกู ไฟซาส์ยาห์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซียกล่าว พร้อมทั้งย้ำว่า การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อสถานการณ์ในประเทศมีความปลอดภัย
ทั้งนี้ NUG ได้ประกาศเริ่มทำ “สงครามป้องกันตนเองของประชาชน” (People’s Defensive War) หรือสงครามต่อต้านเผด็จกับกองทัพเมียนมาเมื่อวานนี้ (7 ก.ย.) ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณถึงความพยายามในการประสานกับกลุ่มต่างๆ ที่ต่อสู้กับกองทัพ รวมทั้งเรียกร้องให้ทหารและเจ้าหน้าที่เปลี่ยนข้าง
อย่างไรก็ดี นับจนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานเหตุความรุนแรง แม้ว่ากองกำลังความมั่นคงจะเสริมกำลังในเมืองย่างกุ้ง หลังจากที่เมื่อวันก่อนมีการประท้วงและการปะทะกันระหว่างกองทัพกับกลุ่มกบฏชนกลุ่มน้อย โดยก่อนหน้านั้น กองกำลังความมั่นคงได้สังหารผู้สนับสนุนประชาธิปไตยที่ประท้วงหลายร้อยคน ขณะที่ฝ่ายต่อต้านทหารบางส่วนได้จัดตั้งกลุ่มติดอาวุธภายใต้ชื่อกองกำลังป้องกันประชาชน (People’s Defence Forces)
ทั้งนี้ อินโดนีเซียเป็นผู้นำในบรรดากลุ่มประเทศเพื่อนบ้านของเมียนมาที่พยายามแก้ไขวิกฤตที่เกิดขึ้น หลังจากกองทัพได้โค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของนางอองซาน ซูจีเมื่อเดือนก.พ.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ก.ย. 64)
Tags: กองทัพเมียนมา, ชาติตะวันตก, มนุษยธรรม, อินโดนีเซีย, เตอูกู ไฟซาส์ยาห์, เมียนมา, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้