น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้ผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลางเข้าถึงการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองอย่างมั่นคง ที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนิน “โครงการบ้านล้านหลัง” โดยให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ปล่อยสินเชื่อแก่ประชาชนให้สามารถซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีผู้ยื่นขอสินเชื่อจนใกล้เต็มกรอบวงเงินโครงการ 50,000 ล้านบาทแล้ว
ดังนั้น เพื่อเป็นการสนับสนุนให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ในราคาและอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากยิ่งขึ้น ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบทบทวนมติเดิมโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ (โครงการบ้านล้านหลัง) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการ ดังนี้
- ปรับชื่อเป็นโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ (โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2) พร้อมปรับกรอบรวงเงินโครงการเพิ่มจำนวน 20,000 ล้านบาท ทำให้วงเงินโครงการบ้านล้านหลังรวมทั้งสิ้น 70,000 ล้านบาท
- ธอส. จะไม่กำหนดเกณฑ์รายได้ผู้กู้ เงินงวดผ่อนชำระรายเดือนไม่เกิน 1 ใน 2 ของรายได้สุทธิต่อเดือน จากเดิมที่กำหนดให้ (1) ผู้กู้มีรายได้ต่อเดือนไม่เกิน 25,000 บาท ผ่อนชำระรายเดือนไม่เกิน 1 ใน 2 ของรายได้สุทธิต่อเดือน (2) ผู้กู้มีรายได้ต่อเดือนเกิน 25,000 บาท ผ่อนชำระรายเดือนไม่เกิน 1 ใน 3 ของรายได้สุทธิต่อเดือน
- ปรับอัตราดอกเบี้ยคงที่ 1.99% ต่อปี เป็นระยะเวลา 4 ปี (จากเดิมดอกเบี้ยคงที่ 3% ต่อปี เป็นระยะเวลา 5 ปี สำหรับผู้กู้ที่มีรายได้ต่อเดือนไม่เกิน 25,000 บาท)
- ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการออกไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 หรือจนกว่า ธอส. ให้สินเชื่อจนเต็มวงเงินโครงการ จากเดิมสิ้นสุด 31 ธันวาคม 2564
นอกจากนี้ ครม.ได้อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี จำนวน 700 ล้านบาท เพื่อชดเชยให้ ธอส. สำหรับส่วนต่างระหว่างรายได้ดอกเบี้ยรับตามแผนวิสาหกิจของ ธอส. กับรายได้ดอกเบี้ยรับจากโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ (โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2)
น.ส.รัชดา กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุม ครม.ให้กระทรวงการคลังติดตามการดำเนินโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 อย่างใกล้ชิด และกำกับดูแลให้ ธอส.พิจารณาอนุมัติสินเชื่อ โดยมุ่งเน้นผู้กู้ที่ยังไม่เคยมีที่อยู่อาศัยมาก่อนเป็นอันดับแรก
สำหรับข้อมูลโครงการบ้านล้านหลังตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงวันที่ 21 ก.ค. 64 ธอส.ได้อนุมัติสินเชื่อโครงการบ้านล้านหลังไปแล้ว 52,514 ราย คิดเป็นเงิน 39,522 ล้านบาท จากวงเงินโครงการรวม 50,000 ล้านบาท
ด้านนายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธอส. กล่าวว่า ครม.ให้ ธอส. สานต่อโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ (โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2) ภายใต้กรอบวงเงินรวม 20,000 ล้านบาท โดยมุ่งช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบสถาบันการเงิน ผู้ที่เริ่มต้นทำงานเพื่อสร้างครอบครัว และผู้สูงอายุ ให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ง่ายขึ้น ด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ และผ่อนปรนเงื่อนไขสำหรับซื้อที่อยู่อาศัยในระดับราคาซื้อ-ขายไม่เกิน 1.2 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4 ปีแรกเท่ากับ 1.99% ต่อปี ปีที่ 5-7 เท่ากับ MRR -2% ต่อปี และปีที่ 8 ถึงตลอดอายุสัญญา กรณีลูกค้ารายย่อยทั่วไป เท่ากับ MRR -0.75% ต่อปี กรณีลูกค้าสวัสดิการ เท่ากับ MRR -1% ต่อปี และกรณีกู้เพื่อซื้ออุปกรณ์ฯ เท่ากับ MRR (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR ของธนาคารอยู่ที่ 6.150% ต่อปี)
ระยะเวลาผ่อนชำระได้นานสูงสุด 40 ปี เงินงวดคงที่ 84 งวดแรก (7 ปี) กรณีกู้ 1.2 ล้านบาท ผ่อนชำระงวดละ 5,000 บาท ในช่วง 84 งวดแรก ให้กู้เพื่อซื้อบ้าน หรือห้องชุด ทั้งที่เป็นที่อยู่อาศัยใหม่ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์บ้านมือสอง และทรัพย์ NPA ของ ธอส.เพื่อปลูกสร้าง และซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกในการอยู่อาศัยพร้อมซื้อบ้านหรือห้องชุด
นอกจากนี้ ธอส. ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการมีบ้านให้กับลูกค้าด้วยการยกเว้นค่าธรรมเนียม 4 ประเภท ประกอบด้วย 1.ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ (0.1% ของวงเงินกู้) 2.ค่าประเมินราคาหลักประกัน (1,900-2,300 บาท) 3.ค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม (1,000 บาท ต่อราย) และ 4.ค่าจดทะเบียนนิติกรรมจำนอง (1% ของวงเงินจำนอง)
นายฉัตรชัย กล่าวด้วยว่า เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยได้มีบ้านเป็นของตนเอง ธอส. จึงได้ผ่อนปรนเงื่อนไขสำหรับลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อช่วยให้ลูกค้ามีโอกาสได้รับวงเงินสินเชื่อที่เหมาะสม รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่ประกอบอาชีพประจำหรืออาชีพอิสระ ธนาคารยังเปิดให้นำหลักฐานการชำระค่าเช่าบ้าน หรือผ่อนชำระเงินดาวน์บ้านไม่น้อยกว่า 12 เดือนมาใช้ประกอบการพิจารณาสินเชื่อ และหากไม่สามารถแสดงหลักฐานที่มาของรายได้ให้ธนาคารพิจารณาได้ ให้ลูกค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ Financial Literacy และออมอย่างสม่ำเสมอไม่น้อยกว่าเงินงวดผ่อนชำระเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 9 เดือน เพื่อใช้เป็นหลักฐานการพิจารณาสินเชื่อกับธนาคารได้ต่อไป
สำหรับลูกค้าที่สนใจ สามารถรับรหัสเข้าร่วมโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 ได้พร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่ วันศุกร์ที่ 10 ก.ย. 64 เวลา 9.00 น. เป็นต้นไป เพียงดาวน์โหลด Mobile Application : GHB ALL และกดลงทะเบียนเพื่อรับรหัสเข้าร่วมโครงการ เมื่อทำตามขั้นตอนครบถ้วนแล้ว ลูกค้าจะได้รับรหัส 9 ตัวทาง GHB Buddy บน Application Line (ตัวอักษร 3 ตัว และตัวเลข 6 ตัว)เพื่อนำมาแสดงในการยื่นขอสินเชื่อตั้งแต่วันศุกร์ที่ 10 ก.ย. 64 เป็นต้นไป และทำนิติกรรมได้ภายในวันที่ 30 ธ.ค. 66 หรือ ก่อนเต็มกรอบวงเงินของโครงการ
นอกจากนี้ ธอส. ยังได้นำบ้านมือสองของธนาคาร หรือทรัพย์ NPA ทั่วประเทศ จำนวนกว่า 1,500 รายการ ที่มีราคาขายไม่เกิน 1.2 ล้านบาท ลดราคาสูงสุดถึง 50% จากราคาจำหน่ายปกติมาเข้าร่วมโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 จองซื้อก่อนได้สิทธิ์ก่อน โดยธอส. ลดภาระค่าใช้จ่ายให้อีก 3 ต่อ สำหรับลูกค้าที่ซื้อทรัพย์ NPA ต่อที่ 1 เลือกใช้มาตรการผ่อนดาวน์ดอกเบี้ย 0% นานถึง 12 เดือน ก่อนยื่นกู้โดยใช้อัตราดอกเบี้ยของโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 ต่อที่ 2 ฟรีค่าประกันอัคคีภัย 3 ปีแรก สำหรับลูกค้า 150 รายแรก ที่ซื้อและโอนกรรมสิทธิ์ภายใน 2 เดือน นับจากวันทำสัญญาจะซื้อจะขาย และต่อที่ 3 วางเงินประกันการซื้อทรัพย์เพียง 5,000 บาททุกรายการ
ทั้งนี้ สามารถดูข้อมูลทรัพย์ NPA ที่เข้าร่วมโครงการบ้านล้านหลังได้ที่ www.ghbhomecenter.com หรือ Mobile Application : G H Bank Smart NPA และ Line Official Account : @GHB NPA
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ก.ย. 64)
Tags: lifestyle, ครม., ฉัตรชัย ศิริไล, ธอส., บ้านล้านหลัง, ประชุมครม., มติคณะรัฐมนตรี, รัชดา ธนาดิเรก