อธิการ สจล.ชี้ 3 จุดแข็ง “การศึกษา-เศรษฐกิจ-ชาตินิยม” กระตุ้นเวียดนามก้าวกระโดดชนะไทย

นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) และ นายกสภาวิศวกร ระบุว่า จากเหตุการณ์นางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐเยือนอาเซียนอย่างเป็นทางการ ทั้งสิงคโปร์ และเวียดนาม โดยที่ไม่มาประเทศไทย ถือว่าครั้งนี้ สิงคโปร์ ได้ประโยชน์ไปเต็มๆ เพราะได้ทั้งความเชื่อมั่นในการเมืองระหว่างประเทศว่าคือศูนย์กลางหรือผู้นำชาติอาเซียนที่ได้ทั้งกำลังการลงทุนและได้ทั้งกำลังมันสมองเพื่อยกระดับเศรษฐกิจของชาติ เนื่องจากสิงคโปร์กับอเมริกาผูกพันกันต่อเนื่องและยาวนาน

แต่เวียดนาม ประเทศสังคมนิยม ที่ในอดีตเกิดความขัดแย้งทางการทหารจนเกิดสงครามกับสหรัฐฯ แต่ในวันนี้เป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับสหรัฐฯ และกำลังก้าวขึ้นเป็น “จีน 2” ในเอเชีย

นายสุชัชวีร์ ระบุว่า ประเทศไทยกำลังเป็นรองเวียดนาม แม้ไม่ได้อิจฉาเวียดนาม และไม่ได้ชื่นชมว่าจะดีหรือเก่งกว่าไทยไปทุกเรื่อง เพียงแต่อยากให้คนไทยเรียนรู้ข้อเท็จจริงเพื่อนำมาวางแผนสู้ พัฒนาชาติไทย ต้องไม่ยอมแพ้

ทั้งนี้ หากวิเคราะห์ถึงปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้เวียดนามก้าวกระโดดข้ามประเทศไทย มีดังนี้

1. เวียดนาม มีปริมาณกำลังคนประชากรมากกว่าไทย มีคน 100 ล้าน และไม่ใช่แค่คนระดับใช้แรงงาน แต่ยังมีคนระดับชั้นมันสมองเพิ่มมากขึ้น จากการพัฒนาการศึกษา “เชิงคุณภาพ” อย่างต่อเนื่องและจริงจัง ซึ่งพิสูจน์ได้จากเด็กเวียดนามที่ได้รับทุน (ของไทย) เพื่อมาศึกษาต่อในระดับปริญญาโทและเอกที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล.ทุกคนทั้งเก่งคณิตศาสตร์มากกว่าเด็กไทย ภาษาอังกฤษก็เข้มแข็งกว่าและขยัน แต่อาจารย์ไทยชอบมาก เพราะทำงานวิจัยได้ยอดเยี่ยม ความรับผิดชอบสูง น่าประทับใจ

อย่างไรก็ตาม ตามข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงเด็กเวียดนามระดับกลาง เพราะระดับท็อปจะเดินทางไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา โดยในวันนี้มีมากกว่า 24,000 คน ที่เน้นศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูง ขณะที่มีเด็กไทยเรียนอยู่ในอเมริกาเพียง 6,000 คน น้อยกว่าเวียดนาม 4 เท่า ซึ่งสะท้อนได้ว่าเวียดนามกำลังมี “คนระดับมันสมอง” โดยเฉพาะทางด้านวิทยาศาสตร์ ที่เป็นรากฐานของการยกระดับประเทศมากกว่าไทยหลายเท่า

2. เวียดนาม มีเงิน มีงบประมาณ เพราะเศรษฐกิจปีที่ผ่านมาเติบโตที่สุดของโลก ขณะที่ประเทศอื่น รวมทั้งไทย ติดลบ และแค่ครึ่งปีนี้เติบโตไปมากกว่า 5% แล้ว และจะร้อนแรงยิ่งขึ้น เพราะเกิดการลงทุนจากต่างประเทศมหาศาลมากกว่าลงทุนในไทยไปนานหลายปี ทั้งนี้ เพื่อเป็นศูนย์กลางการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระดับโลก โดยมีบริษัทเกาหลีมาลงทุน 4,000 กว่าบริษัท ขณะที่มาไทย 400 บริษัท และมีบริษัทชั้นนำของโลกทุกแขนงกำลังมุ่งสู่เวียดนาม ทำให้เกิดการส่งออกสินค้ามูลค่าเพิ่มมหาศาล ทำให้มีมูลค่าส่งออกมากกว่าไทยแล้วและกำลังจะทิ้งห่างไปเรื่อย ๆ หากเราไม่คิดสู้

3. เวียดนาม มีความรักชาติ เป็นชาตินิยมสูง ถือเป็นจุดแข็งของเวียดนาม เด็กเวียดนามทุกคนเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติ รู้จักการต่อสู้ของนาย โฮจิมินห์ บิดาของชาติ รู้เรื่องราว การต่อสู้ ด้วยความทรหด อดทน ไม่ยอมแพ้ ให้ทั้งชีวิตเพื่อสร้างชาติ ทั้งคนเวียดนามปลูกฝังค่านิยม รักการอ่าน การขยันเรียน โรงเรียนเวียดนามแม้ไม่ใหญ่ไม่สวยเหมือนโรงเรียนไทย แต่คุณภาพไม่แพ้ใครในโลก คะแนนมาตรฐาน PISA Score เด็กเวียดนามทำได้คะแนนสูงสุดในอาเซียน เกือบเท่าเด็กสิงคโปร์!

นอกจากนั้นคนอเมริกันเชื้อสายเวียดนามในสหรัฐฯ ก็เรียนเก่ง ประสบความสำเร็จสูงมาก แม้แต่คุณหมอ พญ.ดร.พริสซิลลา ชาน ภรรยาคนสวยของนายมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก ก็เป็นคนเชื้อสายเวียดนาม คนเหล่านี้ยังสนับสนุนประเทศเวียดนามทุกรูปแบบ เต็มที่

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.ย. 64)

Tags: , ,
Back to Top