น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2564 – 2565) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ เพื่อเป็นกรอบแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของไทย ซึ่งแผนปฏิบัติการฯ ฉบับนี้ กำหนดให้พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการค้าของประเทศไทยภายใต้ยุคเศรษฐกิจดิจิตอล (Digital Economy) โดยมีเป้าหมาย คือ
1.มูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 5.3 ล้านล้านบาท ในปี 2565
2.มูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เติบโตเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 5% ต่อปีในช่วงปี 2564-2565
3.มูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดนด้านการขายต่างประเทศ (Outbound Cross Border e-Commerce) เติบโตไม่น้อยกว่า 5% ต่อปี ในช่วงปี 2564-2565
4.มีการเชื่อมโยงข้อมูลพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ระหว่างภาครัฐและเอกชน และเกิดการบูรณาการในการพัฒนาระบบการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ร่วมกัน
5.จำนวนการออกเครื่องหมายรับรองผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (DBD Registered) ไม่ต่ำกว่าปีละ 10,000 ราย
สำหรับการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการ จะดำเนินการภายใต้ 4 ยุทธศาสตร์ ดังนี้
ยุทธศาสตร์ที่ 1 การพัฒนาแพลตฟอร์มตลาดออนไลน์ (e-Marketplace) เพื่อส่งเสริมการค้าภายในประเทศและการค้าพรมแดน (Enhancement and Promotion) ตัวชี้วัด เช่น (1)มูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 5.3 ล้านล้านบาท ในปี 2565 (2)ผู้ประกอบการที่พัฒนา e-Commerce Platform ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งได้จดทะเบียนนิติบุคคลและเป็นของคนไทยมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 10% ต่อปี
ยุทธศาสตร์ที่ 2 การพัฒนาสภาพแวดล้อมและปัจจัยสนับสนุนการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในทุกด้านให้พร้อมรองรับการเติบโตของการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Ecosystem and Enabling Factors) ตัวชี้วัด เช่น สภาพแวดล้อมและปัจจัยสนับสนุนการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ICT โลจิสติกส์ การเงิน และอื่นๆที่ เกี่ยวข้องได้รับการพัฒนาอย่างน้อย 10 โครงการต่อปี
ยุทธศาสตร์ที่ 3 การสร้างความเชื่อมั่นในธุรกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Trust and Sustainability) ตัวชี้วัด เช่น จำนวนการออกเครื่องหมายรับรองผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (DBD Registered) ไม่ต่ำกว่าปีละ 10,000 ราย
ยุทธศาสตร์ที่ 4 การพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้สามารถใช้ประโยชน์จากธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Competency Building) ตัวชี้วัดเช่น (1)มูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศของผู้ประกอบการ SMEs เติบโตขึ้นไม่น้อยกว่า 5% ต่อ (2)มูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดนด้านการขายต่างประเทศมีเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 5% ต่อปี
น.ส.รัชดา กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการประกอบกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การอำนวยความสะดวกด้านการจัดเก็บภาษี การเชื่อมโยงกับบริการของรัฐแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ และการกำกับดูแลมาตรฐานสินค้า เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถปฏิบัติตามได้โดยสะดวก ไม่ซ้ำซ้อน และมีภาระการดำเนินการน้อยที่สุด รวมทั้งพัฒนากลไกการคุ้มครองผู้บริโภคที่สามารถยุติข้อร้องเรียนและเยียวยาผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วและเป็นธรรม เพื่อส่งเสริมการประกอบธุรกิจในเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) และสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคในการประกอบธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ส.ค. 64)
Tags: Digital Economy, E-Commerce, กระทรวงพาณิชย์, พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์, มติคณะรัฐมนตรี, รัชดา ธนาดิเรก, เศรษฐกิจดิจิตอล