บมจ.พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 110 ล้านหุ้น คิดเป็น 26.83% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมี บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการระดมทุนเพื่อนำเงินไปใช้ในการลงทุนเพื่อสร้างจุดรับน้ำมันทางรถไฟที่คลังน้ำมันศรีสะเกษ, ใช้ในการชำระคืนเงินกู้แก่สถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของบริษัท
พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น ประกอบธุรกิจคลังน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับรับ เก็บ ผสม และจ่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิง โดยลักษณะการให้บริการของบริษัท ประกอบด้วย บริการรับ เก็บ และจ่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงสำเร็จรูปประเภทเบนซินและดีเซล โดยมีการให้บริการที่คลังน้ำมันเชื้อเพลิงที่จังหวัดขอนแก่น และคลังน้ำมันเชื้อพลิงที่จังหวัดศรีสะเกษ
รวมทั้ง บริการผสมน้ำมันเชื้อเพลิงพื้นฐานตามสูตรเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงสำเร็จรูปตามที่ลูกค้าต้องการ โดยมีการให้บริการที่คลังน้ำมันเชื้อพลิงที่จังหวัดศรีสะเกษ
รวมทั้ง บริการผสมน้ำมันเชื้อเพลิงพื้นฐานตามสูตรเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงสำเร็จรูปตามที่ลูกค้าต้องการ โดยมีการให้บริการที่คลังน้ำมันเชื้อพลิงที่จังหวัดศรีสะเกษ
บริษัทมีโครงการในอนาคตที่จะสร้างจุดรับน้ำมันทางรถไฟที่คลังศรีสะเกษเพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการแก่ลูกค้าทั้งในด้านการลดต้นทุนการขนส่งน้ำมันของลูกค้า คาดจะใช้เงินลงทุน 85-90 ล้านบาท สร้างจุดรับน้ำมันทางรถไฟบริเวณด้านหลังของคลังน้ำมันศรีสะเกษสำหรับการรับน้ำมันทางรถไฟ ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ 6 เดือน และติตตั้งอุปกรณ์การสูบรับน้ำมัน 15-20 ล้านบาทคาดใช้ระยะเวลา 6 เดือน เริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ภายในปี 65 ทั้งนี้บริษัทวางแผนที่จะใช้กระแสเงินสด ประกอบกับเงินที่ได้จากการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์
ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียน ณ วันที่ 30 มิ.ย.64 เท่ากับ 205 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยมีทุนเรียกชำระแล้ว 150 ล้านบาท คิดเป็นหุ้นสามัญจำนวน 300 ล้านหุ้น และภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO จะทำให้บริษัทจะมีทุนชำระครบจำนวน
โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ กลุ่มครอบครัวผู้บริหาร ได้แก่ บริษัท ไพร์มเกน โฮลดิ้ง จำกัด, บริษัท โกรไวด์เดอร์ แคปปิตอล จำกัด และตระกูล บูรพพัฒนพงศ์ โดยถือหุ้นรวม 209,784,000 หุ้น คิดเป็น 69.93% ภายหลังจากการเสนอขายหุ้น IPO จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 25.61% ,บริษัท ซีโฟร์ คอร์ปอเรชั่น จำกีด ถือหุ้น 69,000,000 หุ้น คิดเป็น 23% จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 16.83%
ผลประกอบการในช่วงปี 61-63 บริษัทมีรายได้จากการให้เช่าและบริการรับ เก็บและจ่ายน้ำมันในปี 61 จากคลังน้ำมันที่จังหวัดขอนแก่นเพียงแห่งเดียว 161.97 ล้าน ต่อมาในปี 62 บริษัทมีรายได้ 176.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.19% เมื่อเทียบกับปี 61 และปี 63 บริษัทฯ มีรายได้ 253.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.29% โดยช่วงปี 62-63 รายได้มีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการเปิดคลังศรีสะเกษในเดือน ก.ค. 62
ในด้านกำไรสุทธิในปี 61-63 เท่ากับ 75.42 ล้านบาท, 55.43 ล้านบาท และ 111.06 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 45.68%, 31.28%, 43.76% ตามลำดับ โดยในปี 62 กำไรสุทธิลดลง 26.51% เมื่อเทียบกับปี 61 เนื่องจากการเปิดคลังศรีสะเกษเริ่มเปิดให้บริการช่วงครึ่งหลังของปี 62 ทำให้ระยะเริ่มแรกยังไม่มีกำไร และการเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยจ่ายที่เกิดจากเงินกู้ยืมระยะยาวที่นำมาสร้างคลังศรีสะเกษ แต่ในปี 63 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 100.37% เนื่องจากคลังน้ำมันศรีสะเกษเปิดให้บริการเต็มปี และต้นทุนทางการเงินลดลงจากการชำระหนี้เงินกู้ระยะยาวต่อเนื่อง
สำหรับช่วง 6 เดือนแรก ปี 64 บริษัทมีรายได้ 118.34 ล้านบาท ลดลง 2.23% ตามการลดลงของยอดจำหน่ายน้ำมันในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 55.32 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 46.65% โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 17.17% ถึงแม้รายได้ลดลงแต่ก็ยังเป็นอัตราลดลงต่ำกว่าต้นทุนบริการ ค่าใช้บริหาร และค่าใช้จ่ายทางการเงินที่ลดลง
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักภาษีเงินได้และเงินสำรองต่าง ๆ ทุกประเภท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ส.ค. 64)
Tags: IPO, mai, ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ, พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น, หุ้นไทย