นายไพโรจน์ สมุทรธนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล (GGC) เปิดเผยว่า แนวโน้มของผลงานในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะยังคงเห็นการเติบโตขึ้นได้ต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก แม้ว่าในช่วงไตรมาส 3/64 สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 กระทบต่อยอดขายเมทิลเอสเทอร์ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ไบโอดีเซล B100 ปรับตัวลดลง หลังจากปริมาณความต้องการใช้น้ำมันดีเซลลดลงตามมาตรการจำกัดการเดินทาง ซึ่งขณะนี้ก็ยังกดดันยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าวอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตาม กลุ่มผลิตภัณฑ์แฟตตี้แอลกอฮอล์ที่เป็นส่วนผสมในกลุ่มสินค้าที่ใช้ในครัวเรือนเกี่ยวกับการทำความสะอาด และผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อยังเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายที่ดีอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อรักษาความสะอาดมากขึ้นในช่วงที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 รุนแรง และยังมีการใช้สินค้าในกลุ่มนี้มากในกลุ่มการแพทย์ ทำให้ยอดขายในกลุ่มนี้ยังคงดีต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ในปัจจุบันยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 37 บาท/กิโลกรัม จากการที่ผลผลิตปาล์มยังออกมาน้อย ทำให้ราคาขายในตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น และบริษัทคาดว่าราคา CPO จะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปถึงไตรมาส 4/64 หากปริมาณความต้องการใช้กลับมาเพิ่มขึ้น หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายจะทำให้ความต้องการใช้ในกลุ่มไบโอดีเซลกลับมามากขึ้น ในขณะที่ผลผลิตปาล์มยังออกมาไม่มากก็จะช่วยดันให้ราคา CPO ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ ส่งผลบวกต่อภาพรวมของผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลัง
ในช่วงไตรมาส 4/64 บริษัทมองว่ายอดขายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มต่าง ๆ จะเริ่มกลับมามากขึ้น หลังจากที่ภาครัฐมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์มากขึ้น ทำให้การเดินทางและการขนส่งต่างๆกลับมา โดยช่วยหนุนต่อยอดขายของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเมทิลเอสเทอร์กลับมาฟื้นขึ้นได้อีกครั้ง และความต้องการใช้น้ำมันไบโอดีเซล B100 กลับมาฟื้นตัวในช่วงไตรมาสุดท้ายจะเข้ามาช่วยหนุนยอดขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์แฟตตี้แอลกอฮอล์เพิ่มเติม
นอกจากนี้ ยังคาดว่าราคาขายกลุ่มผลิตภัณฑ์กลีเซอรีนและแฟตตี้แอลกอฮอล์จะกลับมาปรับเพิ่มขึ้นตามปกติในช่วงไตรมาส 4/64 จากการที่เข้าสู่ช่วงฤดูหนาว ซึ่งจะช่วยหนุนอัตรากำไร (มาร์จิ้น) ของผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 กลุ่มเพิ่มขึ้นอีก และราคา CPO ในกลุ่มเมทิลเอสเทอร์ยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งทำให้บริษัทคาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมทาส 4/64 จะมีการเติบโตที่โดดเด่น และในภาพรวมของยอดขายปีนี้คาดว่ายังทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อน
สำหรับความคืบหน้าโครงการนครสวรรค์ ไบโอคอมเพล็กซ์ (Nakhonsawan Biocomplex : NBC) ที่ GGC ร่วมกับกลุ่ม บมจ.เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น (KTIS) ในสัดส่วนการลงทุน 50:50 เงินลงทุน 7.5 พันล้านบาท เพื่อผลิตเอทานอลกำลังการผลิต 6 แสนลิตร/วัน ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างไปแล้ว 92% คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปีนี้และเริ่มผลิตได้ในช่วงไตรมาส 1/65
ขณะที่การลงทุนเพิ่มเติมในโครงการไบโอคอมเพล็กซ์ เฟส 2 โดยมีแผนดึงบริษัทในต่างประเทศเข้ามาลงทุนใน โครงการนครสวรรค์ ไบโอคอมเพล็กซ์นั้น ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการประสานงานกับบริษัท NatureWorks ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ผลิต PLA รายใหญ่อันดับ 1 ของโลก โดยมีแผนลงทุนในโครงการ PLA ในไทย กำลังการผลิตขนาด 75,000 ตัน/ปี คาดว่าจะเข้ามาลงทุนได้ภายในปี 65 จากปัจจุบันได้รับสิทธิประโยชน์จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมกรลงทุน (BOI) ไปแล้ว เตรียมเซ็นสัญญาลงทุน โดยบริษัทจะเป็นผู้สนับสนุนในส่วนของวัตถุดิบในการผลิตให้ โดยคาดว่า NatureWorks จะใช้เงินลงทุนในการพัฒนาโครงการดังกล่าวราว 1.43 พันล้านบาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ส.ค. 64)
Tags: GGC, หุ้นไทย, โกลบอลกรีนเคมิคอล, ไพโรจน์ สมุทรธนานนท์