ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ (25 ส.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ยังคงปิดทำนิวไฮ โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มผู้ผลิตชิป ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,405.50 จุด เพิ่มขึ้น 39.24 จุด หรือ +0.11%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,496.19 จุด เพิ่มขึ้น 9.96 จุด หรือ +0.22%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,041.86 จุด เพิ่มขึ้น 22.06 จุด หรือ +0.15%
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น 1.21% โดยได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีซึ่งดีดตัวสู่ระดับ 1.309% เมื่อคืนนี้ ทั้งนี้ หุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 2.06% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา เพิ่มขึ้น 1.62% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดีดขึ้น 1.12% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ปรับขึ้น 1.6%
หุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิปดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยหุ้นไมครอน เทคโนโลยี พุ่งขึ้น 2.86% ส่วนหุ้นเวสเทิร์น ดิจิตอล พุ่งขึ้น 7.8% หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า เวสเทิร์น ดิจิตอลมีความคืบหน้าในการเจรจาควบรวมกิจการกับบริษัทคีอ็อกเซีย โฮลดิ้งส์ของญี่ปุ่น ขณะที่หุ้น Nvidia ดีดขึ้น 1.93% จากรายงานที่ว่า กระทรวงพลังงานสหรัฐจะติดตั้งซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่บนแพลตฟอร์มคอมพิวติ้งของ Nvidia
หุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มเรือสำราญได้รับแรงซื้ออย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความหวังที่ว่าการอนุมัติวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคอย่างเต็มรูปแบบจะช่วยให้สหรัฐกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกทั้งนี้ โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 1.61% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ บวก 1% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 1.9% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป เพิ่มขึ้น 1.13% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ บวก 0.66%
หุ้นกลุ่มโรงแรมและกลุ่มกาสิโนดีดตัวขึ้นขานรับความหวังเกี่ยวกับการเปิดเศรษฐกิจเช่นกัน โดยหุ้นไฮแอท โฮเทลส์ คอร์ปอเรชั่น บวก 0.45% หุ้นฮิลตัน เวิลด์ไวด์ โฮลดิ้ง เพิ่มขึ้น 0.36% หุ้นเพนน์ เนชันแนล เกมมิ่ง พุ่งขึ้น 8.6% หุ้นซีซาร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนท์ เพิ่มขึ้น 4.09% หุ้นเอ็มจีเอ็ม รีสอร์ท ปรับตัวขึ้น 2.98%
นักวิเคราะห์จากบริษัท Lenox Wealth Advisors คาดการณ์ว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐซึ่งรวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ปรับตัวลดลงในเดือนก.ค. อาจจะไม่ทำให้นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เร่งปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ลดลง 0.1% ในเดือนก.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนมิ.ย. โดยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือนก.ค.ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนแรงงาน และการพุ่งขึ้นของราคาวัตถุดิบ
นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค.นี้ โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมดังกล่าว
สำหรับหัวข้อในการประชุมประจำปีนี้คือ “Monetary Policy Framework Review” และจะเป็นการเสวนาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เป็นปีที่ 2 เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2564 (ประมาณการครั้งที่ 2), รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนก.ค., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ส.ค. 64)
Tags: Nasdaq, S&P500, ดาวโจนส์, ตลาดหุ้นนิวยอร์ก