แนวโน้มหุ้นไทยเช้าผันผวนตามแรงขายทำกำไรหลังขึ้นไปมากแต่ยังหวังคลายล็อกดาวน์

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ผันผวน แต่อาจแกว่ง Sideway up จากคาดหวังผ่อนคลายล็อกดาวน์หลังผู้ติดเชื้อโควิดชะลอเร่งตัวมองจะแรงขายทำกำไรหลังราคาหุ้นปรับขึ้นไป และวันนี้ยอดผู้ติดเชื้อสูงขึ้นจากเมื่อวาน ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้บวกน้อยลง จากแรงขายทำกำไรเช่นกัน ขณะที่ตลาดรอติดตามการประชุมประจำปีของเฟดที่แจ็คสันโฮลด้วย พร้อมให้แนวรับ 1,570-1,560 แนวต้าน 1,595-1,600 จุด

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะผันผวน แต่ยังมีโอกาสที่แกว่ง Sideway up ได้จากความคาดหวังการผ่อนคลายล็อกดาวน์หลังยอดผู้ติดเชื้อโควิดชะลอการเร่งตัว แต่เชื่อว่าเชื้อไวรัสโควิดยังไม่หายไปไหน ขณะที่จะมีแรงขายทำกำไรหลังจากราคาหุ้นหลายตัวปรับขึ้นระดับหนึ่งแล้ว และวันนี้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดสูงขึ้นจากเมื่อวาน

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนบวกแต่ก็บวกได้น้อยลงจากแรงขายทำกำไรหลังขึ้นมาแรงแล้วด้วย และตลาดฯ ยังรอติดตามการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เมืองแจ็คสันโฮลในวันที่ 26-28 ส.ค.นี้ ซึ่งแรงซื้อที่เข้ามาก่อนหน้านี้ก็เป็นผลจากที่คนมองกันว่าการปรับลดวงเงินโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) คงยังไม่เกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ ทำให้มีการซื้อดักล่วงหน้า ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานยังไม่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นตลาดฯคงจะเป็นลักษณะปรับขึ้นสลับกับปรับตัวลง

พร้อมให้แนวรับ 1,570-1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,595-1,600 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (24 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,366.26 จุด เพิ่มขึ้น 30.55 จุด (+0.09%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,486.23 จุด เพิ่มขึ้น 6.70 จุด (+0.15%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,019.80 จุด เพิ่มขึ้น 77.15 จุด (+0.52%)

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 3.45 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 36.03 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 202.13 จุด

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (24 ส.ค.) 1,586.98 จุด เพิ่มขึ้น 4.91 จุด (+0.31%)

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,286 ล้านบาท เมื่อวันที่ 24 ส.ค.64

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (24 ส.ค.) ปิด 67.54 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.90 ดอลลาร์ หรือ 2.9%

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (24 ส.ค.) อยู่ที่ 2.62 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 32.95/97 แข็งค่าจากคลายกังวลโควิดในปท. คาดกรอบวันนี้ 32.90-33.05

– ศบค.ชุดใหญ่ถกสุดสัปดาห์นี้ คลายล็อก 4 กิจการ “เดินทาง-ร้านอาหาร-ห้าง-กิจกรรมกลางแจ้ง” หลังยอดติดเชื้อลด คนได้รับวัคซีนมากขึ้น คาดมีผล 1 ก.ย. ตั้งเงื่อนไขเข้ม ฉีดวัคซีน 2 เข็ม ผ่านการตรวจเชื้อก่อนรับบริการ ด้านวิจัยกรุงศรีแนะรัฐเยียวยา 6 กลุ่มที่ได้รับผลกระทบเพิ่ม 7 แสนล้าน ประคองเศรษฐกิจ ขณะที่ “แบงก์ชาติ” ผนึกสมาคมธนาคารเดินหน้าปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาว

– ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมธนาคารไทย ได้ออกแถลงการณ์ร่วมมาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้เป็นไปอย่างยั่งยืนในระยะยาว ว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งมีแนวโน้มยืดเยื้อ ทำให้การแก้ไขปัญหาหนี้ระยะสั้นแบบเดิมอาจไม่ตอบโจทย์ ทั้งสองหน่วยงานจึงเห็นร่วมกันที่จะผลักดันการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้เป็นไปในระยะยาวมากขึ้น โดยสอดคล้องกับคาดการณ์รายได้ของลูกหนี้แต่ละราย เช่น ช่วงที่รายได้ยังไม่กลับมา ภาระการชำระหนี้ก็ควรอยู่ในระดับต่ำแล้วทยอยปรับเพิ่ม แต่ไม่ใช่การเลื่อนหรือพักชำระหนี้ชั่วคราว

– คลังปลื้มมูดี้ส์คงอันดับความน่าเชื่อถือไทยที่ Baa1 ชี้ระยะสั้นเศรษฐกิจยังซมพิษโควิด-19 ประเมินจีดีพีปีนี้โตได้ 2% ส่วนปี 2565 ขยับเพิ่มเป็น 5.8% ระบุภาคการคลังสุดปึ้ก วินัยบริหารจัดการหนี้ดีเยี่ยม พร้อมจับตาปัญหาการเมือง ต่างชาติเบรกลงทุน

– ครม.ไฟเขียวขยายเวลาเก็บ VAT 7% อีก 2 ปี 1 ต.ค.64 – 30 ก.ย.66 รับทราบมาตรการยืดยื่นแบบภาษี ช่วยเพิ่มสภาพคล่อง ศก. 1.81 แสนล้านบาท เคาะ 3.5 พันล้านฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก สั่งทบทวน “เราเที่ยวด้วยกัน-ทัวร์เที่ยวไทย”

หุ้นเด่นวันนี้

– CBG (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 155.50 บาท ได้ Sentiment บวกหลังจีนประกาศไม่พบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่นับตั้งแต่ที่มีการระบาดครั้งล่าสุด ส่วนไทยมีข่าวดีปลดล็อกให้พืชกระท่อมไม่เป็นยาเสพติดให้โทษเพิ่มทางเลือกในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่

– SAPPE (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 36 บาท แนวโน้มกำไร H2/64 จะเร่งตัวขึ้นแม้จะมีการ Lockdown แต่ด้วยสัดส่วนส่งออกที่สูงถึง 65% ยังแข็งแกร่งและได้อานิสงส์จากบาทอ่อน ส่วนตลาดในประเทศคาดทยอยฟื้นตัวตามการผ่อนคลายมาตรการ และเตรียมออกสินค้าใหม่โดยเฉพาะใน Q4/64 รวมถึงเครื่องดื่มกัญชง รอเพียง อย.อนุมัติให้ใส่ CBD ในอาหาร คาดกำไรปี 64-65 โดดเด่น +26% Y-Y และ +11% Y-Y และเทรด PE ต่ำสุดในกลุ่ม

– ZEN (คิงส์ฟอร์ด)”ซื้อเก็งกำไร”เป้า IAA Consensus 13.40 บาท แม้ว่า Q2/64-Q3/64 ถูกกดดันจากโควิดา แต่ชดเชยรายได้บางส่วนด้วย take home & deliver) และยอดขายกลุ่มค้าปลีก(เครื่องปรุงรส เช่น น้ำปลาร้า น้ำพริก น้ำยำ) เติบโตได้ดี ขณะที่คาด Q3/64 เป็นจุดต่ำสุด และ Q4/64 ได้ปัจจัยบวก Reopening เต็มไตรมาส แบรนด์ร้าน ZEN ยังคงได้รับความนิยมโดยเฉพาะ เขียง เน้น Franchise และมี Entry เปิดไม่สูง มีทั้งแบบรถเข็น และ Standard ทั้งนี้ตลาดคาดปี 64 ขาดทุนลดลงจากปี 63 ที่ EPS -0.21 บ./หุ้น มาเป็น -0.11 บ./หุ้น และปี 65 พลิกมีกำไร 0.43 บ./หุ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ส.ค. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top