นายเอ็ดเวิร์ด เยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และพัฒนาเศรษฐกิจของฮ่องกงออกมาชี้แจง หลังรัฐบาลฮ่องกงตัดสินใจกลับมาบังคับใช้นโยบายให้ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศต้องกักตัวเพื่อเฝ้าระวังโรคโควิด-19 โดยให้เหตุผลว่า ฮ่องกงต้องการยุติการระบาดให้ได้ก่อนเปิดพรมแดนอย่างเต็มรูปแบบ
“เรากำลังดำเนินนโยบายเพื่อสร้างความปลอดภัย จึงควรกำจัดโควิดให้หมดไปก่อนจะพูดเรื่องเปิดพรมแดนหรือเปิดเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบ” นายเยากล่าวในระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Businesshala TV และเพิ่มเติมว่า การเปิดพรมแดนกับจีนเป็นหนึ่งในประเด็นที่มีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ฮ่องกงได้ล้มเลิกแผนลดระยะเวลากักตัวเหลือ 7 วันสำหรับผู้เดินทางบางกลุ่มซึ่งฉีดวัคซีนครบสองโดส พร้อมทั้งยกระดับคำเตือนใน 15 ประเทศจากกลุ่ม “ความเสี่ยงปานกลาง” เป็น “ความเสี่ยงสูง” ทำให้ผู้ที่เดินทางมาจากประเทศเหล่านั้นต้องกักตัวเพื่อดูอาการเป็นเวลา 3 สัปดาห์
นอกจากนี้ ชาวฮ่องกงยังแสดงความไม่พอใจหลังกลุ่มนักธุรกิจและนักเดินทางบางกลุ่มได้รับการยกเว้นจากมาตรการคุมเข้ม โดยเฉพาะกรณีของนิโคล คิดแมน นักแสดงชาวออสเตรเลีย ซึ่งมีรายงานว่าได้รับการยกเว้นจากรัฐบาลฮ่องกงให้ไม่ต้องกักตัวเมื่อเดินทางเข้าประเทศ
อย่างไรก็ดี การเปลี่ยนแปลงมาตรการกักตัวอย่างกะทันหันทำให้เกิดกระแสคัดค้านที่รุนแรง โดยหอการค้ายุโรปประจำฮ่องกงได้เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงนางแคร์รี ลัม ผู้บริหารสูงสุดประจำเขตบริหารพิเศษฮ่องกง พร้อมระบุว่า มาตรการเหล่านั้นส่งผลให้ผู้ที่พำนักอยู่ในฮ่องกงไม่สามารถออกไปดำเนินงานต่างๆ ได้สะดวก ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อสถานะการเป็นศูนย์กลางทางการเงินระดับโลกของฮ่องกง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ส.ค. 64)
Tags: พรมแดน, ฮ่องกง, เอ็ดเวิร์ด เยา