พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ในฐานะโฆษก บช.น. กล่าวว่า วันนี้มีการประกาศนัดชุมนุม 2 กลุ่ม คือ กลุ่มหมู่บ้านทะลุฟ้า บริเวณแยกคอกวัวเวลา 15.00 น. และเดินทางมาที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และกลุ่มทะลุแก๊ส มีการนัดหมายเวลา 17.00 น. บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง การชุมนุมดังกล่างทาง บช.น.ขอแจ้งเตือนว่าพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดเข้มงวด การกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดที่มีลักษณะการรวมตัวมีการกระทำที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดเชื้อโรค จะเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และพ.ร.บ.โรคติดต่อ
ส่วนการชุมนุมวานนี้ (21 ส.ค.) เมื่อเวลา 16.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้มีการรวมตัวบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง จากนั้นได้เคลื่อนตัวมาที่บริเวณถนนวิภาวดีขาออก ปิดการจราจรหน้า รพ.ทหารผ่านศึก โดยกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้นำลูกแก้ว ลูกหิน ระดมยิงเข้าไปในพื้นที่หน่วยราชการทหาร คือกรมดุริยางค์ทหารบก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมีความจำเป็นต้องเข้าพื้นที่ดังกล่าว เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและแจ้งเตือนให้กลุ่มผู้ชุมนุมยุติการดำเนินการชุมนุม จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้ขว้างปาประทัดยักษ์ ระเบิดไปป์บอมบ์ใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บจำนวน 8 นาย บางส่วนเข้ารักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ
นอกจากนี้ มีการทำให้ทรัพย์สินราชการ เอกชน และสาธารณะประโยชน์เสียหาย โดยเฉพาะของการพิเศษแห่งประเทศไทย ถูกทุบทำลายเสียหาย อาทิ เครื่องมือที่ใช้ในงานควบคุมจราจร กรณีดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 13 คน พร้อมของกลาง ระเบิดปิงปอง 53 ลูก ระเบิดแสวงเครื่อง 10 ลูก เครื่องกระสุนปืนอีกจำนวนหนึ่ง ข้อหาความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ
ส่วนการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมช่วง ก.ค.-ส.ค. 64 ดำเนินคดีทั้งสิ้น 90 คดี มีผู้ต้องหาที่จะถูกดำเนินคดี 481 คน จับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย 224 คน คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน บช.น. จะออกหมายเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมและกระทำผิดต่างๆ ภายใน 2 สัปดาห์ ออกหมายเรียกไปแล้วทั้งหมด 118 หมาย แบ่งเป็นกลุ่มแกนนำทั้งหมด 16 หมาย กลุ่มผู้ชุมนุมอื่นๆ 102 หมาย
ทั้งนี้ กรณีที่มีการใช้ความรุนแรงตามที่มีภาพปรากฎออกมา มีความผิดตามพ.ร.บ.อาวุธปืน ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาอั้งยี่ซ่องโจร การวางเพลิงเผาทรัพย์ และการสมคบกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อให้เกิดเหตุความรุนแรงในบ้านเมือง ทางพนักงานสอบสวนจะออกหมายจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุดังกล่าว
ส่วนกรณีที่มีการปรับกำลังวันแรก หลังยกสิ่งกีดขวางออกจากบริเวณถนนวิภาวดีรังสิตขาออกนั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ในส่วนการปรับยุทธวิธี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้เฝ้าติดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และให้มีการทบทวนการปฏิบัติ และสั่งการให้นำสิ่งกีดขวางออกจากบริเวณถนนวิภาวดีรังสิต โดยคาดว่าจะไม่มีการกระทำรุนแรงแต่อย่างใด ปรากฎว่ากลุ่มผู้ชุมนุม กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ยังคงเข้ามาบริเวณดังกล่าวขว้างปาสิ่งของทุบทำลายสิ่งของราชการเสียหาย
ส่วนการพิจารณาปรับกำลังดูแลบริเวณสามแยกดินแดงในวันนี้นั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ต้องมีการทบทวนการปฏิบัติในแต่ละครั้ง การใช้แก๊สน้ำตา และกระสุนยาง ซึ่งเป็นการใช้อุปกรณ์ระงับเหตุ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานทั่วไปอยู่แล้ว คงจะต้องมีการใช้เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ แต่เว้นระยะห่างระหว่างผู้ปฏิบัติหน้าที่กับกลุ่มผู้กระทำผิด
เมื่อถามถึงการตั้งแนวตู้คอนเทนเนอร์จะมีการขยับเข้าไปมากกว่าเดิมในพื้นที่สามเหลี่ยมดินแดงหรือไม่นั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า เมื่อวานได้นำสิ่งกีดขวางดังกล่าวออกไปแล้ว หลายๆ ที่ก็มีการทดลองนำออก แต่ถ้ารักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณพื้นที่ต่างๆ ได้ ก็จะปรับการดำเนินการตามสถานการณ์และการข่าว
ส่วนกรณีการตรวจสอบคลิปตำรวจควบคุมฝูงชนที่ใช้อาวุธปืนจ่อยิงระยะประชิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุมที่ขับรถจักรยานยนต์ผ่านนั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวได้มีการสั่งให้ตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ดังนั้นต้องให้คณะทำงานได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวให้เสร็จสิ้นก่อน
“เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในส่วนนี้จะต้องมีการดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ พอจะมีข้อมูลเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ส่วนจะต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ตำรวจรายดังกล่าวก่อนหรือไม่นั้น เนื่องจากการตัดสินใจดำเนินการกับเหตุเฉพาะหน้าอาจจะเป็นอันตรายเกินกว่าสิ่งที่ควรกระทำนั้น ต้องอาศัยการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นหลัก หากผลยังไม่ผิด ก็ยังปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ” โฆษก บช.น.ระบุ
ส่วนการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่อื่นที่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ตามมาตรฐาน พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. ได้เน้นย้ำทุกครั้งในการปฏิบัติอยู่แล้ว มีการประชุมปล่อยแถวเป็นสัดส่วนระดับกองร้อย ระดับหมวด ระดับหมู่ ซึ่งมีการเน้นย้ำตามปกติให้คำนึงถึงความเดือดร้อน ทั้งในส่วนของประชาชนอื่นๆ ผู้ชุมนุม รวมถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติด้วย
ส่วนกรณีชาวแฟลตดินแดงที่ได้รับความเดือดร้อนจากลูกหลงของการชุมนุมนั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา แทบจะไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น แต่อาจจะเกิดกรณีที่มีการติดตามตัวผู้กระทำความผิดระยะกระชั้นชิด ทั้งนี้ ผบช.น.เน้นย้ำว่า ถ้าความผิดไม่ปรากฎต่อหน้า และมีผลกระทบอื่น ๆ กรณีผู้กระทำผิดหลบไปบริเวณพื้นที่ส่วนบุคคลก็ให้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีภายหลัง ทั้งนี้ ในเบื้องต้นตำรวจได้ประสานการเคหะแห่งชาติ จะดำเนินการติดตั้งประตูเหล็กแยกกลุ่มผู้ชุมนุมกับชาวแฟลตดินแดงอย่างชัดเจน มีการปรับปรุงเพื่อป้องกันผลกระทบ
ส่วนกรณีเยาวชนอายุ 14 ปี และ 15 ปี ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า การสืบสวนสอบสวนคืบหน้าไปมาก ตำรวจได้นำตัวผู้เสียหาย ผู้อยู่ในเหตุการณ์มาทำการสอบสวน ได้ข้อเท็จจริงประกอบคดีบางอย่างที่เป็นรายละเอียด ซึ่งขอสงวนไว้ก่อน
“ในภาพรวมมีความคืบหน้าไปมากแล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบตัวบุคคล บางส่วนพอจะทราบตัวแล้ว แต่ขอรอภาพรวมทั้งหมดเพื่อความกระจ่าง ซึ่งจะมีการขอศาลออกหมายจับในข้อหาพยายามฆ่าในเร็ว ๆ นี้” พล.ต.ต.ปิยะกล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ส.ค. 64)
Tags: ชุมนุมทางการเมือง, บช.น., ปิยะ ต๊ะวิชัย, ม็อบ