นายสุรเดช ตัณฑ์ไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ (ASIMAR) กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังของปี 64 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา จากงานในมือที่ทยอยรับรู้รายได้
โดยปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ที่ทำอยู่ตอนนี้ ได้แก่ โครงการต่อเรือเก็บผักตบชวาให้กับกรมโยธาธิการและผังเมือง 5 ลำ มูลค่าโครงการ 43 ล้านบาท งานต่อเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า ใช้ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ตัวเรือใช้วัสดุเป็นอะลูมิเนียม จำนวน 5 ลำ ให้กับบริษัท ไมน์ โมบิลิตี รีเสิร์ช จำกัด (MMR) เป็นบริษัทในเครือบมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) มูลค่า 71 ล้านบาท โดยทั้ง 2 โครงการ ทยอยส่งมอบงานในช่วงไตรมาส 2/64 และต่อเนื่องไตรมาส 3/64
ขณะที่ยังมีโครงการต่อเรือดันและลากจูงขนาดกลางของกองทัพเรือ ได้เซ็นสัญญาจำนวน 1 ลำ มูลค่าราว 284 ล้านบาท เรือทักของกองทัพเรือจะใช้ทำประโยชน์มากกว่าเรือทักทั่วไป นอกจากช่วยดันเรือใหญ่เข้า-ออกจากท่าเทียบเรือ จะมีภารกิจเรื่องดับเพลิง และมีอุปกรณ์ช่วยจัดการน้ำมันรั่วไหล (oil spill) ในทะเลได้ รวมทั้งบริษัทเตรียมความพร้อมในการเข้าร่วมประมูลโครงการต่อเรือของภาครัฐอีกหลายโครงการเพื่อสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว และสนับสนุนรายได้เติบโต 10% ได้ตามแผน ปัจจุบันบริษัทมี Backlog ราว 306 ล้านบาท
“ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดรอบ 3 บริษัทยังคงมุ่งเน้นความปลอดภัยในการดำเนินธุรกิจ กำหนดมาตรการในการป้องกันและดูแล ทั้งในส่วนพนักงานและลูกค้าที่มาใช้บริการในอู่ แม้ว่าจะมีผลกระทบจากโควิด-19 แต่ลูกค้ายังคงเชื่อมั่น และให้ความไว้วางใจ มีงานซ่อมเรือเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการกำหนดมาตรการป้องกันโควิด รวมทั้งสุขอนามัยในการทำงาน และการเข้าออกบริษัทอย่างเข้มงวด”
นายสุรเดช กล่าว
สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 2/64 มีกำไรสุทธิ 11.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.10 ล้านบาท เติบโต 213% โดยมีรายได้มาจากงานซ่อมเรือ 105.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.17 ล้านบาท โดยงานซ่อมเรือที่สาขาสมุทรปราการ สามารถรับงานได้เพิ่มมากขึ้น และมีมูลค่าซ่อมต่อลำสูงขึ้น ส่งผลให้รายได้ที่เกิดขึ้นจากเรือซ่อมเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
ส่วนรายได้จากงานต่อเรืออยู่ที่ 12.41 ล้านบาท ลดลง 2.23 ล้านบาท เนื่องจากรับรู้รายได้ต่อเรือโครงการโดยสารปรับอากาศพลังงานไฟฟ้าของบริษัท ไมน์โมบิลิตี้ รีเสิร์ช จำกัด จำนวน 5 ลำ เพียงโครงการเดียว โดยรับรู้รายได้ไปแล้วราว 90.96% และจะทยอยส่งมอบในไตรมาสที่ 3/2564
ขณะที่รายได้จากการจัดหาเรืออยู่ที่ 27.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25 ล้านบาท เป็นการต่อเรือให้กับบริษัท อีโค มารีน ซึ่งเป็นบริษัทย่อย โดยมีเรือกำจัดผักตบชวาอลูมิเนียม ของกรมโยธิการและผังเมือง จำนวน 2 ลำ ซึ่งส่งมอบเรียบร้อยแล้ว และเรือกำจัดผักตบชวาอลูมิเนียมอีก 5 ลำ ซึ่งรับรู้รายได้สะสมไปแล้ว 44.70% รวมทั้งจัดหาเรือท้องแบน จำนวน 1 ลำ
และผลการดำเนินงานครึ่งปี 64 มีรายได้รวม 308.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.5 ล้านบาท เป็นผลให้มีกำไรสุทธิ 26.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.95 ล้านบาท ราว 81%
“ผลประกอบการที่ออกมาเป็นที่น่าพอใจทั้งรายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้น พร้อมสร้างความเชื่อมั่น แม้ในสถานการณ์โควิด-19 บริษัทเองก็พยายามปรับตัวตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นด้านการหาลูกค้าเพื่อเพิ่มรายได้และประกอบกับการควบคุมต้นทุนอย่างรัดกุม ส่งผลให้บริษัทสามารถสร้างผลกำไรได้ดี”
นายสุรเดช กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ส.ค. 64)
Tags: ASIMAR, สุรเดช ตัณฑ์ไพบูลย์, หุ้นไทย, เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์