แนวโน้มหุ้นไทยเช้านี้รีบาวด์หลังคลายกังวลเฟดปรับลด QE-ตัวเลขผู้ติดเชื้อไทยลดลง

นักวิเคราะห์คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้รีบาวด์ขึ้นมาได้หลังความกังวลการปรับลด QE ของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)เริ่มคลี่คลาย อีกทั้งตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันนี้ต่ำกว่าระดับ 2 หมื่นรายใรอบ 10 วันถือเป็นสัญญาณบวก คาดวันนี้หุ้นกลุ่ม Domestic อาทิ กลุ่มโรงแรม กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มค้าปลีก มีโอกาสฟื้นตัวได้ ส่วนราคาน้ำมันปรับลดมา 6 วันใกล้เขตรีบาวด์ไม่น่าจะกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน อีกทั้งวานนี้ต่างชาติกลับเข้ามาซื้อสุทธิ พร้อมให้แนวรับ 1,540, 1,533 จุด แนวต้านที่ 1,550, 1,554 จุด

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นเช้านี้รีบาวด์ฟื้นตัวขึ้นมาได้ หลังจากความกังวลการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)เริ่มคลี่คลาย ซึ่งตลาดสหรัฐและยุโรปได้ปรับตัวลงสะท้อนปัจจัยดังกล่าวแล้ว และให้จับตาการประชุมประจำปีของเฟดในวันที่ 26-28 ส.ค.นี้ ว่าเฟดจะปรับลด QE หรือไม่

นอกจากนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศวันนี้ต่ำกว่า 2 หมื่นรายในรอบ 10 วัน จากวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมาที่มีตัวเลขสูงสุดที่ 23,418 ราย ซึ่งเป็นสัญญาณบวก จะเป็นการสะท้อนมาตรการ lock down เห็นผล และเมื่อถึง 31 ส.ค.นี้รัฐบาลจะประเมินว่าจะผ่อนคลายได้หรือไม่

วันนี้มองว่าหุ้นกลุ่ม Domestic ได้แก่ กลุ่มโรงแรม กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มค้าปลีก มีโอกาสฟื้นตัวได้รับตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 มีสัญญาณบวก

ส่วนราคาน้ำมันที่ปรับลดมา 6 วัน เข้าใกล้เขตรีบาวด์ ทำให้อาจไม่กดดันกลุ่มพลังงานมาก

“ตลาดวันนี้เห็นการรีบาวด์ และไม่หลุด 1,540 จุด และนักลงทุนต่างประเทศกลับมาซื้อวานนี้กว่า 500 ล้านบาท ตลาดน่าจะขึ้นทดสอบ 1,550 จุด”

พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 1,540, 1,533 จุด แนวต้านที่ 1,550, 1,554 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (19 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,894.12 จุด ลดลง 66.57 จุด (-0.19%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,405.80 จุด เพิ่มขึ้น 5.53 จุด (+0.13%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,541.79 จุด เพิ่มขึ้น 15.87 จุด (+0.11%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,442.51 จุด ลดลง 23.04 จุด (-0.66%), ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,238.45 จุด ลดลง 42.72 จุด(-0.16%) และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 25,241.32 จุด ลดลง 75.01 จุด (-0.30%)
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (19 ส.ค.) 1,544.28 จุด ลดลง 7.59 จุด (-0.49%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 515.70 ล้านบาท (SET) เมื่อวันที่ 19 ส.ค.64.
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (19 ส.ค.) ปิด 63.69 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.77 ดอลลาร์ หรือ 2.7%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (19 ส.ค.) อยู่ที่ 3.43 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 33.34 แข็งค่าจากวานนี้สวนทางภูมิภาค คาดกรอบวันนี้ 33.30-33.45 นี้
  • “สุพัฒนพงษ์” ดันเอกชนไทยลงทุนเพิ่มต่อยอดนวัตกรรม สร้างโอกาสเศรษฐกิจหลังโควิด ชี้รัฐเร่งสร้างอีโคซิสเต็ม ดึงอุตสาหกรรมไฮเทค คาร์บอนต่ำ ท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ “เอสซีจี” ชูไอเดีย “นาว นอร์มอล” ปรับตัวนวัตกรรม-ดิจิทัลทันที ชี้ 4 ธุรกิจ ถึงเวลาพลิกวิกฤติเป็นโอกาส
  • “ประยุทธ์”ย้ำเล็งคลายล็อกหลังสิ้นเดือน ส่วนปม ATK ให้ สธ.ชี้แจง ด้าน”ออสท์แลนด์ฯ-เวิลด์เมดิคอลฯ” ร่อนจดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯ โต้ทีโออาร์ไม่ระบุต้องได้รับการรับรองจาก WHO อภ.เผยไม่มีหนังสือข้อสั่งการ ติดเชื้อใหม่ล่าสุด 20,902 ราย เสียชีวิต 309 ราย ระบุหญิงตั้งครรภ์เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย
  • “เอ็มดีพีซี” เผย ตลาดคอนโดให้เช่าบูมช่วงโควิด ทำเล “สุขุมวิท-ลาดพร้าว-พหลโยธิน” บูม เน้น 2 ห้องนอน พร้อมพื้นที่นั่งเล่น-ครัว-ระเบียงขนาดใหญ่ ตอบโจทย์การอยู่อาศัยแบบเวิร์คฟรอมโฮม
  • รฟม.ตีธงเร่งประมูลรถไฟฟ้า “สายสีส้ม” หลังศาลจำหน่ายคดี ลุ้นโควิดคลี่คลาย ต.ค.นี้ขายซองเปิดชิงดำอีกหน คาด มี.ค.65 ได้ตัวผู้ร่วมทุน พร้อมปรับแผนเร่งงานระบบเปิดด้านตะวันออกกลางปี 68 ส่วน “สีม่วงใต้” ซื้อซองแล้ว 8 ราย ทั้งไทย-เทศ คาดสรุป ม.ค.65 ยันไม่กีดกันต่างชาติ
  • ดีเดย์ 24 ส.ค.นี้ ปลดล็อก “พืชกระท่อม” ออกจากยาเสพติดให้โทษ “ปลูก-ซื้อ-ขาย” ได้ เว้นใช้เสพติดดัดแปลงสูตร 4×100 ยังมีโทษ ผู้กระทำผิดกรณีพืชกระท่อม 1,038 คนได้อานิสงส์ปล่อยตัวทันที

หุ้นเด่นวันนี้

  • EPG (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 13.50 บาท เริ่มปรับราคาขายสินค้าขึ้นตั้งแต่ ส.ค.คาดรายได้ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1.1 หมื่นลบ.โตกว่า 18%YoY คาด GPM ทั้งปีอยู่ที่ระดับ 29%-32% Lockdown กระทบยอดขายไม่มาก ขณะที่ Pend up Demand มีโอกาสพุ่งหลัง โควิด-19 ต่างประเทศเริ่มคลี่คลาย รอการคลาย Lockdown , KTBST ประเมินกำไรปี 22-2023 ที่ 1.7 พัน ลบ. และ 1.98 พัน ลบ. +39%YoY, +17%YoY ตามลำดับ
  • MINT (ทรีนิตี้) “ซื้อเก็งกำไร” เป้า 34.70 บาท จากการฟื้นตัวของโรงแรมในยุโรปที่เห็นผลชัดเจนหลังประชากรกว่า 70% ได้รับวัคซีนและการคลาย Lockdown เดินทางข้ามประเทศภายในยุโรปโดยที่ไม่ต้องกักตัวสำหรับผู้ที่รับวัคซีนครบโดส และ Pent Up Demand การท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนและในแง่ของธุรกิจคาดเริ่มมีการจัดงาน Fair เพิ่มขึ้น ขณะที่ Q4 ปกติชาวยุโรปจะเดินทางมายังเอเชียแต่ปีนี้คาดว่าจะท่องเที่ยวอยู่ในยุโรปมากขึ้น ส่งผลให้อัตราการเข้าพักของ NH Hotel สูงต่อเนื่อง และกลุ่มร้านอาหารที่มี EBITDA Margin ปรับตัวสูงขึ้น และ SSSG ของจีนและออสเตรเลียยังเป็นบวก
  • CBG (เอเชียเวลท์) “ซื้อ” เป้า 150 บาท คาด Q3/64 ชะลอตัว QoQ จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศและประเทศคู่ค้าทั้งเวียดนาม กัมพูชา เมียนมา และจีน คาดจีนฟื้นเร็วสุดจากมาตรการควบคุมโควิดเข้มงวด แต่เชื่อว่าผลงานฟื้นตัวในช่วง Q4/64 หากสถานการณ์โควิดเบาลง โดยช่วง H2/64 ท้าทาย ขณะที่มีการเลื่อนการเปิดตัวสินค้าใหม่ไป Q1/65 (เดิม Q3/64) บริษัทประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.90 บาทต่อหุ้น ขึ้น XD 27 ส.ค. และจ่าย 10 ก.ย.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ส.ค. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top