ILM รับ Q3/64 หดรับล็อกดาวน์แต่ออนไลน์ยังหนุน, ลุยเปิดสาขาเฟรนไชส์บรูไน-อินโดฯ

นางกนกวรรณรัตน์ ศรีมณีศิริ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานบัญชีและการเงิน บมจ.อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ (ILM) เปิดเผยว่า แนวโน้มของผลการดำเนินงานไตรมาส 3/64 คาดว่าจะมีทิศทางหดตัวลงจากไตรมาส 2/64 และช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเป็นไตรมาสที่บริษัทรับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์เข้ามาเต็มที่ตลอดทั้งไตรมาส หลังจากมีการปิดสาขาในพื้นที่แพร่ระบาดรุนแรงส่งผลกระทบต่อยอดขาย แต่คาดว่าผลกระทบจะไม่มากเท่ากับในช่วงไตรมาส 2/63 ที่มีการเปิดสาขาทั่วประเทศในการระบาดรอบแรก

ในช่วงที่สาขาบางแห่งต้องปิดทำการไป แต่ยังมียอดขายจากช่องทางออนไลน์ที่เข้ามาช่วยพยุงในภาพรวมได้บางส่วน แม้ว่าจะยังมีสัดส่วนไม่มาก โดยในช่วงไตรมาส 2/64 ยอดขายช่องทางออนไลน์ปรับเพิ่มขึ้นมา 10% และคาดว่าในช่วงไตรมาส 3/64 จะทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง จากการที่ลูกค้าส่วนใหญ่ยังคงมีการอยู่บ้านมากขึ้น ทำให้สั่งสินค้าของตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ผ่านออนไลน์เข้ามาค่อนข้างมาก ประกอบกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อกระตุ้นยอดขาย ทำให้ยอดขายออนไลน์เป็นปัจจัยที่ช่วยพยุงภาพรวมของยอดขายในช่วงที่มีการล็อกดาวน์

ขณะที่บริษัทยังคงเป้ายอดขายในปี 64 ไว้ที่การเติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียว โดยคาดหวังว่าภาครัฐจะผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในไตรมาส 4/64 หากการแพร่ระบาดโควิดเริ่มดีขึ้น ซึ่งจะทำให้สาขาของบริษัทสามารถกลับมาเปิดให้บริการได้เต็มที่ ลูกค้าเริ่มกลับเข้ามาซื้อของในสาขา ภาพรวมก็จะกลับมาดีขึ้น ส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงไตรมาส 4/64 กลับมาฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง และทำให้การเติบโตยอดขายของสาขารวม (TSSG) เติบโตได้ตามเป้าหมาย 0.25-1.5% จากปีก่อน

อีกด้านหนึ่งบริษัทก็พยายามควบคุมต้นค่าใช้จ่ายต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะต้นทุนสินค้าคงคลังที่ได้มีการลดลงไปมาก จากการทำให้สินค้าคงคลังมี Turnover เร็วขึ้น ประกอบกับการปรับราคาขายสินค้าบางประเภทเพิ่มขึ้นตามต้นทุนการผลิตสินค้าที่เกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์บางรายการปรับตัวเพิ่มขึ้นเพื่อรักษาระดับมาร์จิ้นให้ทรงตัว และลดผลกระทบจากต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้น

ส่วนการเปิดสาขาในประเทศใหม่อีก 1 สาขาที่ลาดกระบัง ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าอาจจะเลื่อนไปเปิดในปี 65 หากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศยังไม่คลี่คลายได้ลงอย่างรวดเร็ว แต่ในต่างประเทศช่วงปลายนี้จะมีการเปิดสาขาเฟรนไชส์ในบรูไนและอินโดนีเซีย ส่วนสาขาเฟรนไชส์ใหม่ในเวียดนามยังอยู่ระหว่างรอสถานการณ์โควิด-19 ในเวียดนามคลี่คลายลงก่อน ซึ่งบริษัทยังคงมองเห็นศักยภาพการขยายสาขาในกลุ่มประเทศอาเซียน แต่ยังคงต้องรอดูสถานการณ์โควิด-19 ในแต่ละประเทศให้คลี่คลายลงชัดเจนก่อน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ส.ค. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top