IRPC เพิ่มสัดส่วนสินค้ากลุ่ม Specialty รับวิสัยทัศน์ใหม่มุ่งธุรกิจนวัตกรรม

นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) เปิดเผยว่า บริษัทกำหนดวิสัยทัศน์ใหม่ที่เริ่มใช้ตั้งแต่ปี 64 เป็นต้นไป คือ การเป็นองค์กรสร้างสรรค์นวัตกรรมการใช้วัสดุและพลังงาน เพื่อชีวิตที่ลงตัว (To Shape Material and Energy Solutions in Harmony with Life) เพื่อรับกระแสการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของโลก (Megatrends) ที่ส่งผลกระทบและสร้างการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และธุรกิจ IRPC

ทั้งนี้ IRPC จะให้ความสำคัญต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมการใช้วัสดุให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงการใช้วัสดุหมุนเวียนและการรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถรองรับความต้องการใช้งานทางการแพทย์และสุขภาพที่สร้างประโยชน์เพื่อคนไทย อาทิ การสร้างสรรค์นวัตกรรมเม็ดพลาสติก พีพี เกรด เมลต์โบลน (PP Melt blown: Polypropylene Melt blown) วัตถุดิบที่สำคัญในการผลิตหน้ากากอนามัย หน้ากาก N95 และชุดป้องกันส่วนบุคคล (PPE)

หรือแม้แต่กลุ่มนวัตกรรมทางการเกษตร ได้แก่ ซิงค์ออกไซด์นาโน (ZnO NANO) ที่พัฒนาต่อยอดมาจากซิงค์ออกไซด์ (ZnO) ทำให้มีขนาดเล็กระดับอนุภาคนาโน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมธาตุอาหารเข้าสู่ส่วนต่างๆ ของพืชได้ดียิ่งขึ้น เพิ่มผลิตผลทางการเกษตรและปลอดภัยต่อทั้งเกษตรกรและสิ่งแวดล้อม

บริษัทจึงเตรียมปรับเป้าหมายสัดส่วนผลิตภัณฑ์สินค้ากลุ่มชนิดพิเศษ (Specialty) ซึ่งประกอบไปด้วยสินค้าที่มีมูลค่าสูงดังที่กล่าวมาให้เพิ่มขึ้น จากเดิมที่กำหนดไว้ว่าจะอยู่ที่ 30% ภายในปี 67 เป็นมากกว่านั้น หรือมากกว่า 20% ในอนาคต จากปีนี้คาดเติบโตเฉลี่ย 20%

สำหรับด้านการใช้พลังงานนั้น IRPC จะขยายผลธุรกิจในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานแห่งอนาคต ทั้งพลังงานทางเลือก และพลังงานหมุนเวียน เช่น วัสดุเคลือบแผงโซลาร์เซลล์ลดความร้อน และอุปกรณ์เก็บพลังงานสำรองให้รถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น ตลอดจนการปรับปรุงกระบวนการผลิตโรงกลั่นน้ำมันให้ได้เป็นผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีมากขึ้น

“เพื่อให้ประสบความสำเร็จตามวิสัยทัศน์ใหม่ การดำเนินธุรกิจและสิ่งที่ IRPC จะสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้กับชีวิตและสิ่งแวดล้อม เราไม่เพียงแต่ขยายฐานจากการดำเนินธุรกิจด้านการผลิตปิโตรเคมีและการกลั่นที่เราเชี่ยวชาญมายาวนานกว่า 40 ปี และมีความมั่นคงเท่านั้น แต่เราต้องต่อยอดองค์ความรู้ที่มีและเชื่อมโยงเครือข่ายพันธมิตร เพื่อสร้างนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์และรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ เสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ และสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืนจากความสมดุลของทั้งชีวิตผู้คน และสิ่งแวดล้อม”

นายชวลิต กล่าว

ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเข้าซื้อกิจการ (M&A) ในธุรกิจที่เกี่ยวกับ Advanced Materials, Energy Solutions และ well-being เพื่อต่อยอดจากธุรกิจเดิมที่ทำอยู่ โดยขนาดของธุรกิจที่จะทำการ M&A นั้นจะเป็นขนาดที่ไม่ใหญ่มากในช่วงเริ่มต้น

นายชวลิต กล่าวอีกว่า ทิศทางการดำเนินงานในไตรมาส 3/64 บริษัทคาดว่าสัดส่วนรายได้จากการส่งออกจะไม่ได้เติบโต เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ยังต้องรอดูว่าบริษัทจะรักษาปริมาณขายในระดับทรงตัวได้หรือไม่ โดยมองว่าปัจจุบันแนวโน้มความต้องการแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ภูมิภาคตะวันตกและภูมิภาคเอเซีย ซึ่งในโซนตะวันตกตลาดยังมีการเติบโตได้ แต่ในส่วนของตลาดเอเซียต้องดูความต้องการของประเทศจีนและอินเดียเป็นหลัก ซึ่งยังเป็นเสาค้ำให้พอไปได้แม้จะไม่ดีเท่าในช่วงครึ่งปีแรก

พร้อมกันนี้คาดว่าโรงกลั่นน้ำมันปีนี้จะมีอัตราการกลั่นเฉลี่ยอยู่ที่ 193,000 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาที่อยู่ระดับ 190,000 บาร์เรลต่อวัน เนื่องจากคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังอัตราการกลั่นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 195,000 บาร์เรลต่อวัน และคาดว่าส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น จากการสำรองใช้น้ำมันของประเทศตะวันตกตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/64 เพื่อรองรับการใช้ในช่วงฤดูหนาว

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ส.ค. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top