นายนีล แคชแครี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขามินนีแอโพลิสกล่าวว่า อาจเป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในช่วงปลายปีนี้ แม้การดำเนินการดังกล่าวอาจขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐจะต้องฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด
“คำถามก็คือว่า ‘เมื่อไหร่’ เฟดจะชะลอการซื้อพันธบัตรในโครงการ QE ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1.20 แสนล้านดอลลาร์ต่อเดือน สาธารณชนมีการอภิปรายเรื่องนี้อย่างกว้างขวางว่า การเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการ QE จะเกิดขึ้นในสิ้นปีนี้ได้หรือไม่ หรืออาจจะเริ่มขึ้นในช่วงต้นปีหน้า ” นายแคชแครีกล่าวในการประชุม Pacific Northwest Economic Regional Annual Summit ซึ่งจัดขึ้นที่รัฐมอนทานา
การแสดงความเห็นของนายแคชแครีสะท้อนให้เห็นว่า กรรมการเฟดยังคงมีมุมมองที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับการปรับลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการลดวงเงิน QE เนื่องจากตลาดแรงงานของสหรัฐยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ โดยการที่เฟดเข้าซื้อพันธบัตรและตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) นั้น มีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจด้วยการฉุดต้นทุนการกู้ยืมระยะยาวให้ลดต่ำลง
อย่างไรก็ดี นายแคชแครีกล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีในอนาคต เนื่องจากเฟดได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ว่าจะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายการจ้างงานที่ขยายตัวอย่างเต็มศักยภาพ และอัตราเงินเฟ้อดีดตัวขึ้นสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
“เราต้องรอดูว่าท้ายที่สุดแล้วจะมีการปรับลดวงเงิน QE ในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้หรือไม่ และจากนั้นเราต้องรอดูทิศทางของอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงในปีหน้า” นายแคชแครีกล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ส.ค. 64)
Tags: ดอกเบี้ย, ธนาคารกลางสหรัฐ, นีล แคชแครี, เฟด, เศรษฐกิจสหรัฐ