วิจัยกรุงศรี ระบุว่า สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) รายงาน GDP ใน Q2/64 ขยายตัว 7.5% YoY ดีกว่าที่ตลาดและวิจัยกรุงศรีคาดไว้ที่ +6.6% และ +7.0% ปัจจัยหนุนจากการเติบโตของการส่งออกสินค้า (+30.7%) การเพิ่มขึ้นของการใช้จ่ายภาครัฐ (+2.5%) และผลของฐานที่ต่ำมากในปีก่อน ส่วนเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แม้ GDP ยังคงเติบโตได้ต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 4 ที่ +0.4% แต่อุปสงค์ในประเทศมีสัญญาณซบเซาลงชัดเจน ทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่ติดลบมากขึ้น ผลกระทบจากการระบาดในประเทศที่เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน 2564
สำหรับภาคการผลิต ภาคเกษตรกรรม มีการปรับดีขึ้นจากไตรมาสแรก (+2.7%) ภาคอุตสาหกรรมขยายตัวชะลอลง (+1.8%) และภาคบริการยังหดตัวต่อเนื่อง (-0.8%) ทั้งนี้ โดยรวมเศรษฐกิจไทยในครึ่งแรกของปี 2564 ขยายตัวที่ 2.0% ล่าสุดสภาพัฒน์ฯ ได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้เติบโต 0.7%-1.2% จากเดิมคาด 1.5% -2.5%
แม้เศรษฐกิจในไตรมาส 2 เติบโตเกินคาด แต่การระบาดของโควิด-19 ในประเทศที่ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันอยู่ในระดับสูงและมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ในกรณีฐาน ซึ่งล่าสุด วิจัยกรุงศรีคาดว่าจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันอาจแตะระดับ 26,000 รายในช่วงต้นเดือนกันยายน และจำนวนผู้เสียชีวิตอาจสูงสุดในช่วงสัปดาห์ที่สองของเดือนกันยายน
ดังนั้น คาดว่ากว่าที่ทางการจะผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ น่าจะเป็นช่วงปลายเดือนกันยายน เป็นผลให้อุปสงค์ในประเทศและหลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจในไตรมาส 3 มีแนวโน้มซบเซา นอกจากนี้ ภาคการผลิตและภาคส่งออกอาจได้รับความเสี่ยงจากการระบาดที่แพร่ไปสู่ภาคอุตสาหกรรมเป็นวงกว้างขึ้น รวมถึงอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่อาจชะลอลง หลังจากหลายประเทศประสบกับการกลับมาระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19
“เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง จึงมีแนวโน้มอ่อนแอลงจากครึ่งปีแรกอย่างชัดเจน ขณะที่ประมาณการ GDP ปีนี้ที่วิจัยกรุงศรีคาดไว้ว่าจะเติบโตที่ 1.2% เผชิญความเสี่ยงขาลงมากขึ้น หากมาตรการทางการคลังและการเงินที่กำลังจะออกมาไม่มากเพียงพอที่จะบรรเทาผลเชิงลบดังกล่าว” บทวิเคราะห์ระบุ
โดยความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเดือนกรกฎาคม ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือน ขณะที่การระบาดแพร่สู่ภาคการผลิตเป็นวงกว้างมากขึ้น เสี่ยงกระทบส่งออก ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนกรกฎาคม ปรับลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 ที่ 78.9 จาก 80.7 ในเดือนก่อน ปัจจัยลบจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่กระจายวงกว้างไปทั่วประเทศ ส่งผลให้ภาครัฐขยายพื้นที่และระยะเวลาในการดำเนินมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาด ขณะเดียวกันดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับลดลงอยู่ที่ 89.3 จาก 90.8 ในเดือนมิถุนายน 2564 เนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลต่อการระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลาย โดยเฉพาะการระบาดในโรงงานอุตสาหกรรม
การลดลงของความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม สอดคล้องกับผลสำรวจดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนกรกฎาคมอยู่ในแดนหดตัว (ต่ำกว่า 50) ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ที่ระดับ 48.7 จาก 49.5 ในเดือนก่อน สะท้อนภาคการผลิตในต้นไตรมาส 3/2564 ปรับตัวลดลง เนื่องจากสถานการณ์การระบาดในประเทศที่เลวร้ายลงและยาวนานกว่าคาด ล่าสุด ต้นเดือนสิงหาคมทางการขยายพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) เป็น 29 จังหวัด และขยายเวลาดำเนินมาตรการล็อกดาวน์ถึงวันที่ 18 สิงหาคม และมีแนวโน้มอาจขยายถึงสิ้นเดือนสิงหาคม เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันยังอยู่ในระดับสูง
ขณะที่การระบาดแพร่กระจายเป็นวงกว้างในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น อาทิ อุตสาหกรรมอาหาร อิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ โลหะ และพลาสติก ทั้งนี้ หากไม่สามารถควบคุมการระบาดในคลัสเตอร์โรงงานได้ คาดว่าผลกระทบด้านแรงงานอาจบั่นทอนผลผลิตภาคอุตสาหกรรรมและภาคส่งออก ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจในไตรมาส 3 มีแนวโน้มอ่อนแอลง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ส.ค. 64)
Tags: ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, สภาพัฒน์, เศรษฐกิจไทย