นางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.มีนาทรานสปอร์ต (MENA) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลประกอบการงวดไตรมาส 2/64 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 11.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91.09% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 6.12 ล้านบาท รายได้รวมอยู่ที่ 147.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.33% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ 146.57 ล้านบาท มาจากภาพรวมธุรกิจขนส่งด้วยรถมิกเซอร์เติบโตขึ้น พร้อมการควบคุมต้นทุน ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยภาพรวมรายได้ของบริษัทฯ ประกอบด้วย รายได้ค่าขนส่งและบริการมาจากธุรกิจบริการขนส่งคอนกรีต ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทฯ มีจำนวน 105.4 ล้านบาท เติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน 4.2% จากการบริหารจัดการรถมิกเซอร์อย่างมีประสิทธิภาพ มีปริมาณงานเพิ่มขึ้น มีรถมิกเซอร์เพิ่มขึ้น 14 คัน และอัตราค่าขนส่งเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 2/63 ขณะที่ รายได้ค่าขนส่งด้วยรถเทรลเลอร์ อยู่ที่ 34.7 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 6.1% จากปริมาณงานขนส่งที่ลดลงตามจำนวนรถหัวลากในกองยานที่ลดลง ประกอบกับสถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มรุนแรงขึ้นในไตรมาส 2/64
สำหรับ ภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทฯ งวด 6 เดือนแรกปี 64 มีกำไรสุทธิเท่ากับ 21.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.02% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 19.13 ล้านบาท รายได้รวมอยู่ที่ 294.26 ล้านบาท ลดลง 9.02% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 323.42 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ค่าขนส่งและบริการลดลง ตามความผันผวนของราคาน้ำมัน แต่ปริมาณงานขนส่งด้วยรถมิกเซอร์เติบโตขึ้น 0.7%
อย่างไรก็ดี MENA พยายามรักษาบริการขนส่งให้สม่ำเสมอ จากการขยายฐานลูกค้า และความพร้อมในการเตรียมรถให้เพียงพอรองรับความต้องการลูกค้าในแต่ละช่วง และนับเป็นความท้าทายในการบริหารงานในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 มองดีมานด์ยังอยู่ในระดับสูง เนื่องจากธุรกิจขนส่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนงานโครงการต่างๆ
โดยสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่เริ่มรุนแรงในช่วงไตรมาส 2/64 ที่ผ่านมา มาตรการปิดแคมป์คนงานก่อสร้างในบางพื้นที่ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และ ปริมณฑล ตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย. ส่งผลกระทบต่อธุรกิจขนส่งรถมิกเซอร์ไม่สามารถเข้าพื้นที่ทำงานได้ บริษัทเร่งปรับกลยุทธ์ โดยยังสามารถให้บริการขนส่งในโครงการที่ยังสามารถทำงานได้ตามปกติ ซึ่งงานโครงการเหล่านี้กระจายอยู่ในหลายภูมิภาคของประเทศ
รวมทั้ง ควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างรัดกุม เพื่อลดผลกระทบจากปัจจัยภายนอกที่เกิดขึ้น ซึ่งมองเป็นเพียงระยะสั้น นอกจากนั้น MENA ส่งเสริมให้พนักงานขับรถขนส่งฉีดวัคซีนเพื่อรองรับการกลับมาเริ่มงานอย่างปลอดภัย โดยปัจจุบันพนักงานของบริษัทฯ ได้รับวัคซีนแล้วกว่า 80% ทำให้ผู้ว่าจ้างมั่นใจในบริการขนส่งที่ปลอดภัยของ MENA
MENA มั่นใจว่าจะยังคงความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำธุรกิจขนส่งด้วยรถมิกเซอร์ และรถเทรลเลอร์ รายใหญ่ของประเทศไทย ด้วยจำนวนรถและพนักงานจัดส่งที่มากในลำดับต้นๆ ของอุตสาหกรรม และในช่วงโค้งสุดท้ายของปีคาดสถานการณ์จะดีขึ้นจากมาตรการผ่อนปรนของภาครัฐ งานโครงการขนาดใหญ่จะเร่งเดินหน้า และส่งมอบงานตามแผน ทำให้ความต้องการรถขนส่งเพิ่มขึ้นทวีคูณ รวมทั้ง การต่อยอดธุรกิจขนส่งไปยังฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เพิ่มเติม
นอกจากนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างพูดคุยกับพันธมิตรอีกราว 3-4 โปรเจ็กต์ ในการขยายบริการด้านขนส่งไปยังกลุ่มสินค้าเฉพาะทาง และสินค้าอุปโภคบริโภค คาดจะเห็นความชัดเจนในช่วงไตรมาส 4/64 ประกอบกับภาพรวมงานก่อสร้าง รวมทั้ง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศที่มีทิศทางที่ดี สนับสนุนให้ปี 65 จะเป็นปีที่ MENA สามารถสร้างการเติบโตอย่างโดดเด่นได้
ณ สิ้นไตรมาส 2/64 MENA มีรถภายใต้การบริหารราว 650 คัน แบ่งเป็น รถมิกเซอร์จำนวน 470 คัน และรถเทรลเลอร์ (หัวลาก) 75 คัน นอกจากนี้ยังมีรถกึ่งพ่วง หรือหางลากประเภทต่างๆ 105 คัน พร้อมด้วย พนักงานจัดส่งราว 500 คน มีสำนักงาน 5 สาขา ในช่วงที่ผ่านมารถมิกเซอร์ให้บริการราว 100 แพลนท์คอนกรีตกระจายอยู่ทั่วประเทศ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ส.ค. 64)
Tags: MENA, ผลประกอบการ, มีนาทรานสปอร์ต, สุวรรณา ขจรวุฒิเดช, หุ้นไทย