นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอสเซทไวส์ (ASW) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจเป้าหมายรายได้ปี 64 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาภาครัฐบาลได้มีการใช้มาตรการปิดแคมป์คนงาน เป็นระยะเวลาราว 1 เดือนเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ขณะนี่กลับมาเริ่มก่อสร้างได้ตามปกติแล้ว
ขณะที่บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ราว 4,700 ล้านบาทที่จะทยอยรับรู้รายได้ในปี 64-65 โดยจะมี 2 โครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์รับรู้รายได้ในไตรมาส 3 ได้แก่ “เคฟ ทียู” (Kave TU) มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท ซึ่งมียอดขายแล้วกว่า 90% และ “โมดิซ สุขุมวิท 50” (Modiz Sukhumvit 50) มูลค่าโครงการ 2,100 ล้านบาท ก่อสร้างแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/64
พร้อมกันนี้ บริษัทยังมีโครงการที่แล้วเสร็จพร้อมขายและทยอยรับรู้รายได้ได้ทันทีอีกกว่า 18 โครงการที่จะเข้ามาช่วยหนุนให้รายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
ขณะเดียวกันบริษัทยังเน้นทำการตลาดผ่านระบบออนไลน์มากยิ่งขึ้นในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า และในเดือน ก.ย.64 บริษัทยังได้เตรียมทำการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายผ่านระบบออนไลน์ ผ่านแคมเปญ 9.9 ที่เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าเช่นกัน
ทั้งนี้ ในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องอีก 4 โครการ จากที่ข่วงที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดโครงการไปแล้ว 2 โครงการ
นายกรมเชษฐ์ กล่าวอีกว่า บริษัทยังคงมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจและการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ อาทิ บริษัทได้มีการร่วมมือกับบริษัท ฟิวเจอร์คอมเพเทเร่ จำกัด ซึ่งเป็นที่ปรึกษาและลงทุนเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อนำเทคโนโลยีเข้ามาต่อยอดธุรกิจและสามารถปรับตัวสู่นวัตกรรมสมัยใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ผลักดันการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ส.ค. 64)
Tags: ASW, กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์, หุ้นไทย, อสังหาริมทรัพย์, แอสเซทไวส์