ทั่วโลกหวั่นขนส่งทางเรือหยุดชะงักหลังจีนสั่งปิดท่าเรือจากโควิดระบาด

รัฐบาลจีนต้องสั่งปิดท่าเรือหนิงโป-โจวซาน ซึ่งเป็นหนึ่งในท่าเรือขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ที่มีเรือเข้าออกมากที่สุดในโลก หลังเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่า การแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาจะก่อให้เกิดปัญหาลักษณะเดียวกับเมื่อปี 2563 อีกครั้ง

นอกจากนี้ การปิดท่าเรือหนิงโป-โจวซานยังทำให้เกิดกระแสวิตกกังวลที่ว่าท่าเรือทั่วโลกอาจต้องเผชิญสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคและอาจทำให้มีการใช้มาตรการควบคุมต่างๆ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการขนส่งสินค้าทุกประเภท ตั้งแต่อาหารที่เน่าเสียได้ไปจนถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

หลังจากมีรายงานข่าวถึงการสั่งปิดท่าเรือหนิงโป-โจวซานเป็นบางส่วน ท่าเรือลอสแองเจลิสก็เตรียมการต่างๆ เพื่อรับมือกับภาวะขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ หลังจากที่เคยประสบปัญหาดังกล่าวในช่วงที่โควิด-19 แพร่ระบาดในท่าเรือหยานเถียนของจีนเมื่อเดือนมิ.ย. 2563

นายแอนตัน พอสเนอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเมอคิวรี่ รีซอร์สเซส ซึ่งเป็นบริษัทบริหารห่วงโซ่อุปทานกล่าวว่า หลายบริษัทที่ใช้บริการขนส่งสินค้าทางเรือได้ระบุเงื่อนไขเพิ่มเติมในสัญญาเกี่ยวกับโควิด-19 แล้ว เพื่อรับประกันว่าบริษัทจะไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายในกรณีที่เรือขนส่งตกค้างที่ท่าเรือ

ขณะเดียวกัน นายเอมมานูอิล ซีเดียส หุ้นส่วนของ Ifchor North America LLC กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์ว่า ถึงแม้ขณะนี้สถานการณ์เริ่มจะสงบลงแล้ว แต่ทั่วโลกน่าจะเริ่มประสบปัญหาความล่าช้าที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา พร้อมกับเสริมว่า “เราจะได้รับผลกระทบระลอกที่ 2 อย่างแน่นอน”

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ขณะนี้มีความเสี่ยงที่เชื้อไวรัสโควิด-16 จะแพร่กระจายไปสู่ท่าเรือ ขณะที่ระบบขนส่งทั่วโลกกำลังประสบปัญหาในการตอบสนองอุปสงค์ที่ทะยานขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ หลังเริ่มมีการเปิดระบบเศรษฐกิจอีกครั้ง และภาคการผลิตกลับมาผลิตสินค้าได้

ทั้งนี้ ดัชนีค่าระวางเรือ BDI (Baltic Dry Index) ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับของค่าบริการขนส่งสินค้าแบบปริมาณมาก ปรับตัวขึ้นมากกว่า 10% นับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีนี้ หลังจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ส.ค. 64)

Tags: , , ,
Back to Top