นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (นปช.) กล่าวว่า การจัดกิจกรรมคาร์ปาร์คในวันที่ 15 ส.ค.64 จะยกระดับจากการชุมนุมที่ผ่านมาเพื่อแสดงพลังประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บริหารประเทศอีกต่อไป โดยมีการปราศรัยและการแสดงดนตรีผ่านการถ่ายทอดสดผ่านสื่อออนไลน์ทุกช่องทาง พร้อมจัดประกวดการตกแต่งรถและป้ายข้อความ ซึ่งจะมีการจัดขบวน 3 จุด ได้แก่
1.จุดแรกที่บริเวณแยกราชประสงค์ ตนเองจะร่วมชุมนุมที่จุดนี้จากนั้นจะเคลื่อนขบวนมุ่งไปยังถนนพระราม 4 เลี้ยวซ้ายที่สวนลุมพินีไปยังพระโขนง เลี้ยวซ้ายที่แยกคลองตันแล้วเคลื่อนขบวนมุ่งหน้ากลับมาที่แยกราชประสงค์
2.จุดที่สองเป็นกลุ่มคนหนุ่มสาวที่จะรวมตัวบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแล้วเคลื่อนขบวนข้ามสะพานพระปิ่นเกล้าไปยูเทิร์นที่สถานีขนส่งสายใต้แห่งเก่ากลับมาเข้าถนนจรัลสนิทวงศ์ มุ่งหน้าสะพานพระราม 7 แล้วยูเทิร์นใต้สะพานกลับมาข้ามสะพานพระปิ่นเกล้า
3.จุดที่สามมีนายสมบัติ บุญงามอนงค์ บก.ลายจุด นัดรวมตัวที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แล้วมุ่งหน้าตามถนนเอเซียเลี้ยวเข้าถนนพหลโยธินมายังบริเวณห้าแยกลาดพร้าง
“จะไม่มีการมาร่วมสมทบกัน ทุกจุดจะมีการประสานผ่านการถ่ายทอดสด เริ่มเวลา 15.00 น.และสิ้นสุดในเวลา 18.00 น.โดยจะมีการบีบแตรเสียงยาวเท่ากับเพลงชาติแล้วร่วมประกาศขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมกัน หลังจากนั้นทุกคนจะแยกย้ายกลับบ้าน” นายณัฐวุฒิ กล่าว
แกนนำกลุ่ม นปช. กล่าวว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้จะเป็นการชุมนุมโดยสันติ เพื่อสะท้อนเสียงของประชาชนที่ไม่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ บริหารประเทศอีกต่อไป เพราะความล้มเหลวที่ผ่านมา ซึ่งจะเห็นได้ว่าเส้นทางเคลื่อนขบวนไม่ได้ผ่านสถานที่สำคัญที่เป็นจุดเปราะบางที่เจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง เช่น ทำเนียบรัฐบาล, กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ เพื่อลดการเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่
“วันที่ 15 ส.ค.หวังว่า คฝ.จะทำหน้าที่อำนวยความสะอวดกและดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน ทำให้การชุมนุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงการแสดงความคิดเห็น” นายณัฐวุฒิ กล่าว
แกนนำกลุ่ม นปช. กล่าวว่า ตนเองยืนยันการต่อสู้โดยยึดหลักสันติวิธีมาโดยตลอด ประกาศชัดเจน ไม่มีอะไรที่ลับลมคมใน และพร้อมที่จะประสานเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้รับผิดชอบตลอดเวลา
ส่วนกรณีที่มีการใช้ความรุนแรงที่ผ่านมานั้น ตนเองขอชื่นชมการต่อสู้ของคนหนุ่มสาวที่มีความกล้าหาญ แต่กลยุทธ์การต่อสู้ต้องใช้ส่วนที่แข็งที่สุดคือพลังบริสุทธิ์ เข้าปะทะกับส่วนที่อ่อนที่สุดคือ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นศูนย์รวมความชิงชังทั้งประเทศ เพราะกลุ่มมวลชนไม่มีกำลังและอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เพียงพอจะไปปะทะ
“ใครจะว่าผมขี้ขลาด ล้าหลังก็ตาม แต่อย่าลืมว่ากลยุทธ์ในการต่อสู้ต้องเอาจุดแข็งแรงสุดเข้าปะทะกับด้านที่อ่อนสุด” นายณัฐวุฒิ กล่าว
แกนนำกลุ่ม นปช. กล่าวว่า ที่ผ่านมารู้สึกเห็นใจกลุ่มคนหนุ่มสาวที่ออกมาเรียกร้องเพราะสูญเสียโอกาสที่ดีในชีวิตไป และไม่คิดว่าต้องการต่อสู้เพื่อให้ทหารออกมา ขณะที่ผู้มีอำนาจเองดูจะพึงพอใจกับเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้น เพราะไม่มีใครออกมาพูดห้ามปรามเลย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ส.ค. 64)
Tags: คาร์ม็อบ, ชุมนุม, ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นปช., ม็อบ