นายวิทยา อินาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมกาเคม (ประเทศไทย) (MGT) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าทิศทางการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้จะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากปัจจุบัน ซึ่งเป็นช่วงไตรมาส 3/64 มีออเดอร์ยาวไปจนถึงเดือนก.ย.นี้ แล้ว ทำให้เบื้องต้นมองว่าผลงานไตรมาส 3/64 น่าจะออกมาดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมถึงไตรมาสก่อนหน้า ที่มียอดขายลดลงไปอย่างมาก จากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19
นอกจากนี้บริษัทฯ คาดว่าจะได้รับปัจจัยบวกจากยอดขายของบริษัทย่อย เมกาเคม พลัส จำกัด ผู้นำเข้าเอทานอลบริสุทธิ์ซึ่งบริษัทถือหุ้นอยู่ 80% เนื่องจากสินค้าได้รับการตอบรับค่อนข้างดี หลังโควิด-19 ระบาดรุนแรง ทำให้บริษัทยังคงมั่นใจว่าเป้าหมายยอดขายทั้งปีจะยังทำได้ 950 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 110 ล้านบาท เติบโตกว่าปีก่อน ที่มีรายได้อยู่ที่ 752.87 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 99.68 ล้านบาท
สำหรับแผนงานในอนาคต บริษัทมองโอกาสการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ในธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่เป็นสัญชาติไทย เพื่อนำแพลตฟอร์มการบริหารด้านเคมีดิสทริบิวชั่นไปสร้างการเติบโตให้กับบริษัทดังกล่าว โดยสนใจธุรกิจที่มีขนาดราว 200 ล้านบาท หลังประสบความสำเร็จในการนำเอาแพลตฟอร์มการบริหารฯ ไปทำให้กับ เมกาเคม พลัส ซึ่งทำผลกำไรก็ออกมาค่อนข้างดี
นายวิทยา กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้มีการศึกษาและทำในการตรวจสอบกิจการ (ดิวดิลิเจนซ์) อยู่ 1 ดีลเป็นบริษัทจำหน่ายเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษสำหรับใช้ในเครื่องสำอางและอาหารเสริม โดยจะนำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทเพื่ออนุมัติการลงทุนได้เร็วๆ นี้
พร้อมกันนี้ บริษัทมองแนวทางการเติบโตใน CLMV โดยเฉพาะลาวและกัมพูชา หลังขยายไปยังเมียนมาแล้ว เนื่องด้วยมองเห็นศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจจากการที่ลาวถือเป็นแบตเตอรี่ของอาเซียน รวมถึงยังมีทรัพยากรธรรมชาติค่อนข้างสมบูรณ์ โดยเฉพาะเรื่องแร่ธาตุ ปัจจุบันบริษัทได้ส่งทีมานเข้าไปศึกษาศักยภาพเพื่อนำมาต่อยอดกับธุรกิจของ MGT ในอนาคต
ส่วนกัมพูชาเองก็มีความน่าสนใจ จากการมีพื้นที่ติดทะเลและมีแม่น้ำโขงผ่าน ซึ่งขณะนี้ผู้ประกอบการจากจีนได้มีการเข้ามาลงทุนด้านเคมีภัณฑ์ในกัมพูชาค่อนข้างมาก เพื่อรองรับรถไฟความเร็วสูงจากคุณหมิงเชื่อมต่อมาที่ลาว และต่อไปในอนาคตก็ขยายไปถึงกัมพูชา โดยขณะนี้บริษัทฯ ก็เริ่มส่งสินค้าให้กับลูกค้าในกัมพูชาบ้างแล้ว
ด้านโครงการร่วมลงทุนผลิตกราไฟต์ (Graphite) กับพันธมิตรญี่ปุ่น บริษัท Fuji Graphite Works จำกัด ภายใต้บริษัท เมกา ฟูจิ กราไฟต์ จำกัด โดย Megachem plus ถือหุ้น 49.51% และพันธมิตรญี่ปุ่นถือหุ้น 50.49% เพื่อประกอบธุรกิจวิจัย พัฒนา ผลิต และจำหน่าย Expand Graphite ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอผลทดสอบตัวอย่างผลิตภัณฑ์ของลูกค้าในญี่ปุ่น คาดจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 1/64 หรือไตรมาส 2/64
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ส.ค. 64)
Tags: MGT, วิทยา อินาลา, หุ้นไทย, เมกาเคม