นายณรงค์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการสายงานขายและธุรกิจค้าปลีก บมจ.คอมเซเว่น (COM7) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกสินค้าไอทีและสมาร์ทโฟนในครึ่งหลังของปี 64 ยังคงแข็งแกร่ง แม้สถานการณ์โควิดยังไม่ดีขึ้น แต่ความต้องการสินค้าไอทียังมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเพื่อสนับสนุนการทำงานที่บ้าน Work from home แต่ยังไม่สามารถซื้อได้สะดวกเพราะติดมาตรการสกัดการแพร่ระบาดของโควิด
ขณะที่ในไตรมาส 3/64 บริษัทเตรียมเพิ่มรายการสินค้าและอุปกรณ์ที่รองรับเทคโนโลยี 5G หลากหลายแบรนด์ออกมาจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็น Galaxy Note20, Galaxy Z Fold 2, Vivo x60 Pro หรือ Oppo Reno6 Z เป็นต้น อีกทั้งสินค้า Iphone รุ่นใหม่ในปีนี้จะสามารถเปิดตัวได้ตามไทม์ไลน์ปกติ ไม่มีการเลื่อนออกไปเหมือนปีก่อนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระลอกแรก
“ดีมานด์ไม่ได้หายไปไหน ซึ่งปัจจุบัน COM7 ยังเข้าถึงลูกค้าได้ไม่เต็มที่ จึงมองว่าดีมานด์ที่อั้นไว้ จะไหลกลับเข้ามาในช่วงปลายปี จากปัจจัยบวกในช่วงไฮซีซั่นธุรกิจ และสินค้าใหม่ทยอยเปิดตัว โดยเฉพาะ iPhone รุ่นใหม่ที่คาดจะกลับมาเปิดตัวในช่วงเวลาปกติ ซึ่งเร็วกว่าการเปิดตัวของ iPhone 12 ที่มีการเปิดตัวในเดือนธ.ค. ส่งผลให้รับรู้ยอดขายสินค้าที่เป็นไฮไลท์ของปีได้เร็วขึ้น รวมทั้งได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ด้านการขยายสาขายังคงตั้งเป้าสิ้นปีจะมี 1,000 สาขา ตามแผนเดิมที่วางไว้” นายณรงค์กล่าว
นายณรงค์ กล่าวว่า บริษัทได้พัฒนาประสิทธิภาพการจำหน่ายสินค้าและทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ด้วยบริการที่หลากหลายเพื่อตอบสนองลูกค้าในช่วงที่มีสถานการณ์โควิด ไม่ว่าจะเป็นโปรโมชั่นส่งฟรีทุกออเดอร์ไม่มีขั้นต่ำ หรือบริการผู้ช่วยช้อปที่จะมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและประสานงานการสั่งซื้อและการส่งผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้า
นอกจากนั้น จากที่ COM7 มีสาขาปกติทั้งรูปแบบสาขาหลักและแฟรนไชส์รวม 459 สาขา ได้มีการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายใหม่ๆ อาทิ การเปิดร้าน Pop-Up Store และขยายสาขานอกห้างสรรพสินค้า หรือ Stand Alone ตามแผนในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน ส.ค.64 จะมีครบ 57 แห่ง ทำให้จะมีสาขาครอบคลุม 74 จังหวัดทั่วประเทศ
นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 3/64 ได้จับมือกับห้างบิ๊กซี (BigC) เป็นพันธมิตรเจ้าใหม่ในการขยายสาขาเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบัน เปิดไปแล้วจำนวน 45 สาขา ซึ่งถือเป็น 1 ใน 3 สาขาทั้งหมดของบิ๊กซี ทำให้เป็นโอกาสจำหน่ายสินค้าไอทีและสมาร์ทโฟนต่อเนื่องในอนาคต
พร้อมกันนั้น บริษัทยังรุกขยายผลิตภัณฑ์กลุ่ม IoT มากขึ้น ด้วยการจับมือกับพันธมิตรหลากหลายแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น Xiaomi, Huawei, imoo และ realme ซึ่งแบรนด์เทคโนโลยีชั้นนำ โดยล่าสุด COM7 ได้เป็นดิสทริบิวเตอร์ให้กับทุกผลิตภัณฑ์ของ realme ยกเว้นกลุ่มสมาร์ทโฟน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการบริหาร Product Mix ในพอร์ต และเติบโตไปสู่สินค้าที่เป็นเทรนด์ของโลก
นายณรงค์ กล่าวว่า บริษัทยังมีการจัดโปรแกรมพิเศษ (Affordability Program) เพื่อช่วยเหลือลูกค้าให้สามารถผ่อนสินค้าได้โดยไม่ใช้บัตรเครดิต ประกอบด้วย โปรแกรม UFund & UNiDAYS ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มมหาวิทยาลัย เพื่อสอดรับการเรียนการสอนผ่านออนไลน์มากขึ้น รวมทั้ง โปรแกรม True Loan โดยร้าน BaNANA ร้าน BKK และร้าน Kingkong Phone เป็นการจับมือกับพาร์ทเนอร์ เปิดโครงการพิเศษผ่อนสินค้าผ่านแอปทรู มันนี่ วอลเล็ต สนับสนุนให้ผู้ที่ไม่มีบัตรเครดิตก็สามารถเข้าถึงสินค้าไอทีและสมาร์ทโฟนได้เพิ่มขึ้น ซึ่งทั้งสองโครงการดังกล่าวเริ่มเพียงแค่ 3 เดือน สามารถขายสินค้าได้มากกว่า 1,000 ล้านบาทแล้ว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ส.ค. 64)
Tags: COM7, คอมเซเว่น, ณรงค์ ศรีวรรณวิทย์, หุ้นไทย