III ลงทุน Shipsmile เพิ่มอีก 8% มูลค่า 28 ลบ. ดันถือหุ้นเพิ่มเป็น 38%

บมจ.ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 7/2564 เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2564 มีมติอนุมัติให้บริษัทเข้าซื้อหุ้นสามัญในบริษัท เอ.ที.พี.เฟรนด์ เซอร์วิส จำกัด (Shipsmile) เพิ่มเติมจำนวน 2,720 หุ้น คิดเป็น 8% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ Shipsmile จากผู้ถือหุ้นเดิมของ Shipsmile ได้แก่ นายทวีโชค แซ่ตั้ง นางสาวพชรธรณ์ เทวฤทธิ์ นายสฐีรณัฐ ลาภไกวัล และนายเอกรัฐ ปิ่นตาไฟ ในราคารวมเป็นจำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 28 ล้านบาท ทำให้บริษัทจะถือหุ้นเพิ่มเป็น 38% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ Shipsmile

Shipsmile ประกอบธุรกิจในรูปแบบการขายแฟรนไชส์ให้ผู้ประกอบการ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนมากกว่า 2,400 สาขา ในการขนส่งพัสดุ และเป็นจุดรวบรวมการขนส่งพัสดุภายในประเทศจากบริษัทขนส่งชั้นนำ

การเข้าทำรายการดัวกล่าว ทำให้บริษัทมีโอกาสในการขยายธุรกิจตามกลยุทธ์ของบริษัทในการเติบโตของธุรกิจขนส่งภายในประเทศ

จากการที่ Shipsmile มีสาขาแฟรนไชส์ในปัจจุบันกว่า 2,400 สาขาให้บริการรับส่งพัสดุ และเป็นจุดรับส่งพัสดุของบริษัทขนส่งชั้นนำต่างๆ ครอบคลุมทั่วภูมิภาคของประเทศ Shipsmile สามารถต่อยอดธุรกิจโลจิสติกส์ภายในประเทศของบริษัทฯ ในการที่จะเป็นจุดเชื่อมต่อในการให้บริการการขนส่งของบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขนส่งทางอากาศซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักของบริษัทฯ และมีศักยภาพในการพัฒนาธุรกิจขนส่งในประเทศภายในวันเดียว (same-day delivery) ของบริษัทฯ

และเสริมสร้างรายได้และสภาพคล่องของบริษัทฯภายหลังการเข้าทำรายการในครั้งนี้ Shipsmile จะมีสถานะเป็นบริษัทร่วมของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ จะสามารถรับรู้กำไรจากการลงทุนทั้งในรูปแบบเงินปันผล และกำไรจากบริษัทร่วม ซึ่งจะเป็นส่วนสร้างผลกำไร และกระแสเงินสดอย่างต่อเนื่องในระยะยาวให้กับกลุ่มบริษัทฯ

นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร III กล่าวว่า การเข้าลงทุนใน ShipSmile ทำให้บริษัทฯ ได้ร่วมดำเนินธุรกิจกับบมจ. สบาย เทคโนโลยี (SABUY) พันธมิตรซึ่งเป็นผู้ร่วมทุน โดยตั้งเป้าหมายร่วมกันต่อยอดพัฒนาโมเดลธุรกิจของ ShipSmile ให้มีความน่าสนใจและมีจุดแตกต่างในการแข่งขัน รวมถึงมีบริการการชำระเงินออนไลน์เพื่อเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าได้มากขึ้น ทำให้ปัจจุบัน ShipSmile มีจำนวนสาขา 2,400 สาขา และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 3,000 สาขาในสิ้นปีนี้

โดยล่าสุด บมจ. เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) (KEX) ได้ใช้ ShipSmile เป็นจุดรับส่งสินค้า ซึ่งจะช่วยให้ ShipSmile มีความแข็งแกร่งและมีทางเลือกในการให้บริการแก่ลูกค้าได้มากขึ้น ซึ่งบริษัทฯ จะใช้จุดแข็งของพันธมิตรอย่าง Makesend เข้าไปช่วยต่อยอดบริการด้านโลจิสติกส์แบบ Sameday Delivery ให้กับ ShipSmile ซึ่งเริ่มให้บริการพื้นที่ของกรุงเทพและปริมณฑล และจะขยายบริการขนส่งสินค้าแบบวันเดียวไปสู่เมืองหลักทั่วประเทศต่อไป

สำหรับแนวโน้มในไตรมาส 3/64 ซึ่งจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของธุรกิจโลจิสติกส์ ท่ามกลางสภาวะการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และค่าระวางปรับตัวขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ จึงต้องมีการบริหารจัดการซัพพลายให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า โดยได้เพิ่ม Service ใหม่ในเส้นทางที่เป็นประเทศเศรษฐกิจหลักในเอเชีย รวมทั้งการเพิ่มปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อรองรับการให้บริการแก่ผู้ส่งออกและผู้นำเข้ามาตั้งแต่ปลายไตรมาส 2/64 และในส่วนการให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางอากาศ ยังให้บริการ Cargo Flight ร่วมกับสายการบินพันธมิตรต่อเนื่อง

“บริษัทฯ มั่นใจว่าครึ่งปีหลังของปี 64 จะยังรักษาความสามารถในการสร้างผลการดำเนินงานที่ดีได้อย่างต่อเนื่องจากทุกกลุ่มธุรกิจและยังเดินหน้าพัฒนาธุรกิจใหม่ในทุกรูปแบบ จึงมั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะสามารถเติบโตได้เป็นสองเท่าของปี 63” นายทิพย์ กล่าว

สำหรับแผนงานในครึ่งปีหลังยังคงเดินหน้าพัฒนาธุรกิจใหม่ขยายธุรกิจร่วมกับพันธมิตรต่อเนื่อง โดยธุรกิจตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบิน มีการปรับโครงสร้างการถือหุ้นที่จะแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อก้าวสู่การเป็น Regional Company ตามกลยุทธ์ในการเป็นผู้นำด้านการให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรในภูมิภาค

ส่วนผลประกอบการไตรมาส 2/64 เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 85.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.0 ล้านบาท หรือ 147.2 % จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 10.7% จากไตรมาส 1/64 สร้างสถิติกำไรสุทธิทำนิวไฮติดต่อกันสองไตรมาส เป็นผลจากการเติบโตทั้งจากกลุ่มธุรกิจหลักทั้ง 4 กลุ่ม และจากการพัฒนาธุรกิจใหม่ ซึ่งรับรู้รายได้ต่อเนื่อง ส่งผลให้ครึ่งปีแรกปี 2564 มีกำไรสุทธิรวม 163.2 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อน 185.2% และสูงกว่ากำไรสุทธิทั้งปี 2563 ที่ 162.5 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมรายได้ 6 เดือนแรกเติบโตเช่นกัน โดยมีรายได้รวม 1,274.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 69.0% แม้เศรษฐกิจรวมยังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รอบใหม่และการล็อกดาวน์ในประเทศในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา

สำหรับรายได้รวมงวดไตรมาส 2/64 มีจำนวน 641.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 85.1% และมีกำไรขั้นต้น 137.4 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 94.9% จากไตรมาส 2/63 โดยหลักมาจากทุกกลุ่มธุรกิจหลักทั้ง 4 กลุ่มที่บริษัทฯ มีอยู่ในปัจจุบัน และบริษัทฯ ยังรับรู้รายได้จากการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ทั้งจากกลุ่มบริษัท Around Logistics Management และ บริษัท DG Packaging Pte., Ltd. โดยล่าสุดบริษัท เอ.ที.พี.เฟรนด์ เซอร์วิส จำกัด (ShipSmile) ที่เริ่มรับรู้รายได้เมื่อต้นไตรมาส 2/64 สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีตามเป้า

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ส.ค. 64)

Tags: , , , , ,
Back to Top