กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่นในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2564 เพิ่มขึ้น 50.3% เมื่อเทียบรายปี มาอยู่ที่ 10.5 ล้านล้านเยน (9.5 หมื่นล้านดอลลาร์) เนื่องจากการส่งออกที่ฟื้นตัวดีขึ้นมาก หลังชะลอตัวลงจากผลกระทบของโควิด-19
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลการค้าสินค้า 2.3 ล้านล้านเยนในช่วงเดือนม.ค.-มิ.ย. หลังจากขาดดุล 9.735 แสนล้านเยนในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากการส่งออกรถยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และสินค้าอื่นๆ นั้นกลับมากระเตื้องขึ้นตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง หลังประสบภาวะถดถอยจากการระบาดของโควิด-19 เมื่อต้นปี 2563
นอกจากนี้ การส่งออกเครื่องจักรสำหรับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของญี่ปุ่นยังดีดตัวขึ้น 22.2% สู่ระดับ 39.2 ล้านล้านเยน ท่ามกลางภาวะชิปขาดตลาดทั่วโลก
ส่วนยอดนำเข้าของญี่ปุ่นขยายตัว 11.6% สู่ระดับ 36.9 ล้านล้านเยน เนื่องจากราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น อาทิ โลหะนอกกลุ่มเหล็กและสินแร่เหล็ก
กระทรวงการคลังยังระบุว่า ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่เพิ่มขึ้น 50.3% หรือ 3.5 ล้านล้านเยนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ยังเป็นยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดสำหรับช่วงหกเดือนที่เพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2558 ซึ่งญี่ปุ่นมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มขึ้น 4.8 ล้านล้านเยน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ส.ค. 64)
Tags: ญี่ปุ่น, ดุลบัญชีเดินสะพัด, นำเข้า, ส่งออก