นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงถึงกรณีที่มีบุคลากรทางการแพทย์ ออกมาทวงถามถึงวัคซีนไฟเซอร์ ว่าเหตุใดรัฐบาลถึงจัดสรรน้อยกว่าจำนวนที่บุคลากรทางการแพทย์แจ้งความประสงค์ขอรับการฉีดว่า รัฐบาลได้รับวัคซีนไฟเซอร์มาจำนวน 1.5 ล้านโดส โดยได้จัดสรรให้กับบุคลากรทางการแพทย์ 7 แสนโดส ซึ่งเบื้องต้นวัคซีนล็อตแรกได้จัดส่งไปแล้ว 50 – 75% ของจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ที่ส่งรายชื่อมา โดยส่งไปยังโรงพยาบาลต่างๆที่มีการสำรวจความต้องการขอรับการฉีดวัคซีนก่อนหน้านี้ ซึ่งการจัดส่งวัคซีนจะทยอยเป็นล็อตๆ เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในการบริหารจัดการ เพราะหากส่งครั้งเดียวครบ 100% อาจจะมีบางพื้นที่ได้รับวัคซีนเกินหรือขาดได้
ทั้งนี้ โฆษกรัฐบาล ยืนยันว่า หลังจากนี้จะทยอยจัดส่งวัคซีนไฟเซอร์ให้ครบตามจำนวนที่บุคลากรทางการแพทย์แจ้งความประสงค์มา เพื่อให้ได้รับการฉีดวัคซีนตามกฎระเบียบของกระทรวงสาธารณสุขอย่างแน่นอน
ด้านนพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กล่าวชี้แจงการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ว่า ในการจัดสรรวัคซีนในครั้งนี้ทางกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ทำการรวบรวมรายชื่อจากฐานข้อมูล และจากการทำการสำรวจความต้องการวัคซีนไฟเซอร์จากบุคลากรแต่ละจังหวัดว่ามีความต้องการเท่าใด และจะทำการจัดสรรวัคซีนให้ตามที่แจ้งมา อย่างไรก็ดีข้อมูลความต้องการของแต่ละจังหวัดอาจมีการคาดเคลื่อน จึงอาจทำให้ตกหล่นในบางพื้นที่ได้
นอกจากนี้หากจำนวนรายชื่อที่ส่งมามีจำนวนน้อยกว่า 50% จะทำการจัดสรรวัคซีนให้ในสัดส่วน 50% เผื่อว่าจะมีบุคลกรที่ตกหล่นในรายชื่อที่ส่งมา และหากจำนวนรายชื่อที่ส่งมามีความต้องการวัคซีน 50-75% จะทำการจัดสรรวัคซีนให้ตามจำนวนที่ส่งมาแบบพอดี แต่หากมีจำนวนรายชื่อที่ส่งมามีความต้องการวัคซีนมากกว่า 75% จะทำการจัดสรรวัคซีนเบื้องต้นให้ 75% เท่านั้น เพื่อเป็นการควบคุมดูแลคุณภาพวัคซีน เช่น ต้องมีพื้นที่ในการจัดเก็บวัคซีนในอุณหภูมิที่ได้มาตรฐาน และสามารถรองรับวัคซีนได้ เป็นต้น ดังนั้นจึงได้ทำการทยอยจัดส่งวัคซีนไปในบางพื้นที่ ซึ่งในส่วนนี้เป็นส่วนที่อาจเกิดปัญหาไม่ได้รับวัคซีนตามจำนวนรายชื่อที่ส่งมา
นพ.เฉวตสรร ยืนยันว่า บุคลากรการแพทย์ และสาธารณสุขด่านหน้าจะได้รับวัคซีนไฟเซอร์ตามเกณฑ์ทุกราย อย่างไรก็ตามอาจมีการตกหล่นของรายชื่อ ในส่วนของบุคลากรที่ยังไม่ได้วัคซีนในรอบการส่งรอบแรกนี้ ขอให้แจ้งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หรือสำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร เพื่อส่งข้อมูลมายังกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ส่วนคลินิกเอกชนให้ทำการแจ้งที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เพื่อการบริหารจัดการวัคซีนให้มีเพียงพอต่อความต้องการในรอบถัดไป
“บุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขด่านหน้าจะได้รับวัคซีนทุกราย การจัดสรรวัคซีนในครั้งเดียว และครั้งแรกนั้นไม่สามารถจัดสรรวัคซีนได้ครบ 100% แน่นอน โดยหลังจากนี้จะมีการจัดหาวัคซีนมาเพิ่มเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ รวมทั้งการจัดสรรวัคซีนทุกครั้งข้อมูลทุกส่วนสามารถตรวจสอบได้” นพ.เฉวตสรร กล่าว
ด้านการจัดส่งวัคซีนไฟเซอร์ได้เริ่มส่งตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค. 64 โดยวัคซีนเดินทางไปถึงพื้นที่เป้าหมาย และเริ่มฉีดตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค. เป็นต้นมา ซึ่งถือว่ามีการดำเนินการจัดส่งได้เร็วกว่าแผนที่วางไว้ว่าจะทำการจัดส่งในวันที่ 5-6 ส.ค. และในวันนี้ 10 ส.ค. จะส่งวัคซีนไฟเซอร์ไปยังโรงพยาบาล ในจังหวัดสีแดงเข้มควบคุมสูงสุดเข้มงวด 13 จังหวัด ได้แก่ กทม., ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, นครปฐม, นนทบุรี, นราธิวาส, ปทุมธานี, ปัตตานี, อยุธยา, ยะลา, สงขลา, สมุทรปราการ และสมุทรสาคร เพื่อทำการฉีดให้แก่กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ โดยจะเป็นการฉีดเข็มที่ 1 ในรายใหม่ และในอีก 3 สัปดาห์จะทำการนัดฉีดเข็มที่ 2 ต่อไป
สำหรับยอดการฉีดวัคซีนทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. 64 มีจำนวนผู้ได้รับวัคซีนแล้วทั้งสิ้น 21,171,110 โดส โดยในจำนวนนี้ได้รับวัคซีนไฟเซอร์รวมแล้ว 129,834 โดส แบ่งเป็นได้รับวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่ 1 แล้ว 33,219 โดส, ได้รับวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่ 2 แล้ว 13,622 โดส และได้รับวัคซีนไฟเซอร์บูสเตอร์เข็มที่ 3 แล้ว 82,993 โดส
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ส.ค. 64)
Tags: lifestyle, จัดสรรวัคซีน, วัคซีนต้านโควิด-19, อนุชา บูรพชัยศรี, ไฟเซอร์