บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยตลอดต้นเดือน ส.ค.นี้ยังคงเผชิญกับภาวะผันผวนอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าช่วงสั้นจะเห็นแรงซื้อคืนสลับเข้ามาเก็งกำไรในหุ้นบิ๊กแคปเป็นระยะ จากบางบริษัทมีสตอรี่เชิงบวกเป็นตัวแปรผลักดันดัชนีฯฟื้นตัวขึ้นมาได้บ้าง แต่หากมองภาพใหญ่จะพบว่าดัชนีฯ กำลังส่งสัญญาณแกว่งตัวทิศทางขาลง และมีความเป็นไปได้สูงที่อาจปรับฐานลดลงต่ำกว่า 1,500 จุดได้อีกครั้ง ขณะที่จากการสำรวจแรงขายสุทธิกลุ่มผู้ลงทุนต่างชาติ พบว่านับตั้งแต่ต้นปีจนมาถึงล่าสุด (9 ส.ค.) มียอดขายสะสมทะลุ 1 แสนล้านบาท (-103,786.78 ลบ.) ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว !!
ภายหลังจากการหวนกลับมาระบาดอย่างหนักระลอกใหม่ในประเทศของเชื้อโควิด-19 ที่วันนี้ยังคงไร้วี่แววว่าจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่จะเพิ่มขึ้นจนไปถึงจุดสูงสุด (Peak) ได้เมื่อใด ผลกระทบตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้นั้นคือความเสียหายอย่างหนักต่อระบบเศรษฐกิจของไทยและค่าเงินบาทอ่อนค่าอย่างรวดเร็ว กลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงกันอย่างมากถึงความเสี่ยงที่เศรษฐกิจของไทย (GDP Growth) ในปี 64 อาจเข้าสู่ภาวะถดถอยถึงขั้นติดลบต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 !!
ท่ามกลางภาวะเช่นนี้ การคัดเลือกลงทุนในสินทรัพย์ชั้นดี สามารถแสวงหาผลตอบแทนจากการลงทุนได้อย่างเหมาะสม เพื่อเป็นหลุมหลบภัยและแหล่งพักเงิน นับเป็นทางเลือกที่น่าสนใจหลบเลี่ยงจากความไม่แน่นอนที่คอยรุมเร้าตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ ไขคำตอบเรื่องนี้กับนายชาตรี โรจนอาภา รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ บล.เคทีบีเอสที
ทั้งนี้ รายการ “Wealth Me Please” จะนำข้อมูลความรู้ด้านการเงินและการลงทุน ผ่านมุมมองของผู้เชี่ยวชาญหลาย ๆ ท่านนำมาต่อยอดช่วยสร้างความมั่งคั่งได้ด้วยตัวเอง พบกันทุกสัปดาห์ที่ช่องยูทูป InfoQuestNews Channel
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ส.ค. 64)
Tags: GDP, SET, WealthMePlease, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย