นายแพทย์สก็อตต์ ก็อตต์ลีบ อดีตประธานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งสูงขึ้นในปัจจุบันซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลตานั้น อาจเป็นการแพร่ระบาด “ระลอกสุดท้าย” ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ
ซีเอ็นบีซีรายงานโดยอ้างข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮ็อบกินส์ว่า ยอดผู้ติดเชื้อเฉลี่ยของสหรัฐในช่วง 7 วันที่ผ่านมาอยู่ที่ 108,624 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้น 36% จากสัปดาห์ก่อนหน้า นอกจากนี้ยังมีข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐที่ระบุว่า เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาซึ่งพบครั้งแรกที่อินเดียนั้น เป็นสายพันธุ์ที่ตรวจพบใน 83% ของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วประเทศ
“ผมคาดว่าโควิด-19 จะไม่แพร่ระบาดต่อไปในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว ครั้งนี้น่าจะเป็นระลอกสุดท้ายและถือเป็นการปิดฉาก หากไม่มีสายพันธุ์ใหม่ๆ ที่สามารถฝ่าภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการได้รับเชื้อก่อนหน้านี้ หรือการฉีดวัคซีน” นายก็อตต์ลีบกล่าว พร้อมกับเสริมว่า “การแพร่ระบาดครั้งนี้น่าจะส่งผลกระทบต่อประชาชนกลุ่มที่ไม่ยอมรับการฉีดวัคซีน”
นายก็อตต์ลีบกล่าวว่า ประชาชนในสหรัฐยังต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันโควิด-19 ต่อไปอีกหลายเดือนโดยเฉพาะในตอนเหนือของสหรัฐ หลังจากจำนวนยอดผู้ติดเชื้อในพื้นที่ตอนใต้เริ่มพุ่งสูงขึ้น โดยต้องเฝ้าระวังจนกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะเริ่มลดลง
“ผมคิดว่าช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ยากลำบาก” นายก็อตต์ลีบระบุ อย่างไรก็ดี เขายังกล่าวด้วยว่า การที่สายพันธุ์เดลตาแพร่กระจายได้ง่ายและการที่ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 มากขึ้นนั้น ก็อาจส่งผลแนวโน้มในเรื่องนี้เปลี่ยนแปลงไปได้เช่นกัน
“ประชากรทุกกลุ่มในสหรัฐจะได้สัมผัสกับเชื้อไวรัสนี้ ไม่ว่าจะจากวัคซีนหรือจากการได้รับเชื้อก่อนหน้านี้ ซึ่งจะหยุดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสเมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้” นายก็อตต์ลีบกล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ส.ค. 64)
Tags: COVID-19, FDA, สก็อตต์ ก็อตต์ลีบ, สหรัฐ, โควิด-19, โควิดสายพันธุ์เดลตา