สธ. เร่งฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยงใน 29 จังหวัดสีแดงเข้มให้ได้ 70% ภายในส.ค.

นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวถึงแนวโน้มผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศขณะนี้ว่า ส่วนใหญ่อยู่ในต่างจังหวัด เนื่องจาก 1.ผู้ติดเชื้อเดินทางออกจากพื้นที่ระบาดกลับภูมิลำเนาเพื่อรักษา 2. ผู้เดินทางกลับภูมิลำเนาไม่ทราบว่าตัวเองติดเชื้อ และไปแพร่เชื้อคนที่บ้าน 3.มีการระบาดในโรงงาน/สถานประกอบการ ทำให้มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ดังนั้น ผู้ที่เดินทางกลับภูมิลำเนาต้องคิดเสมอว่าตนเองมีความเสี่ยง ให้ป้องกันตนเองและคนรอบข้างอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อต่อ

สำหรับมาตรการล็อกดาวน์จากการดำเนินการถึงขณะนี้ พบว่ามีประสิทธิภาพประมาณ 20% ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตยังไม่ลดลงเท่าที่ควร ดังนั้นต้องเข้มการล็อคดาวน์ตัวเอง ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็นเพื่อไม่รับเชื้อจากนอกบ้าน เว้นระยะห่างในครอบครัว เพื่อไม่ให้แพร่เชื้อ และหากสงสัยติดเชื้อให้ตรวจด้วยชุดตรวจ ATK เพื่อเข้าสู่ระบบการรักษาโดยเร็ว ซึ่งเมื่อร่วมกับการเร่งฉีดวัคซีนให้กลุ่มเสี่ยงเป้าหมายจะช่วยทำให้ผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตลดลงได้ โดยภายในสิ้นเดือนสิงหาคม พื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด ต้องครอบคลุมอย่างน้อย 70% ส่วนจังหวัดที่เหลือมากกว่า 50%

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากข้อมูลถึงวันวันที่ 6 สิงหาคม 2564 ประเทศไทยฉีดวัคซีนโควิด 19 ไปแล้ว 20,280,108 โดส เป็นเข็มที่ 1 จำนวน 15,687,291 โดส เข็มที่ 2 จำนวน 4,406,723 โดส และกระตุ้นเข็มที่ 3 ไปแล้ว 186,094 โดส สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ ที่ได้รับบริจาคจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาจำนวน 1.5 ล้านโดส จัดสรรให้กับบุคลากรการแพทย์ด่านหน้าที่มีความเสี่ยงจากการดูแลผู้ป่วย ซึ่งรวมถึงนักศึกษาแพทย์-พยาบาลชั้นคลินิก เจ้าหน้าที่สอบสวนโรค เจ้าหน้าที่ในสถานกักกัน รพ.สนาม Hospitel ห้องปฏิบัติการ และวิชาชีพอื่นๆ ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วยโควิด และให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงทั้งชาวไทยและต่างชาติที่อาศัยในประเทศ รวมถึงผู้ที่มีความจำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศ เช่น นักเรียน นักศึกษา นักธุรกิจ เป็นต้น

ขณะนี้ได้กระจายวัคซีนไปยังโรงพยาบาลประจำจังหวัด หรือโรงพยาบาลขนาดใหญ่ 170 แห่งทั่วประเทศ รอบแรกตั้งแต่วันที่ 4-6 สิงหาคม ส่งไปแล้ว 446,160 โดส และมีบุคลากรการแพทย์ได้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ไปแล้วประมาณ 46,000 คน ยังไม่พบอาการไม่พึงประสงค์ที่รุนแรง โดยสัปดาห์หน้าจะเริ่มฉีดกลุ่มเสี่ยง 608 (ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป, กลุ่ม 7 โรคประจำตัว, หญิงตั้งครรภ์) ใน 13 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ส.ค. 64)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top