พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ มีมติให้ยกระดับของพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร หลังพบแนวโน้มมีผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องครอบคลุมไปทั่วทุกภูมิภาค โดยให้ขยายพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) เพิ่มจากเดิม 13 จังหวัด เป็น 29 จังหวัด,
ปรับลดพื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) จากเดิม 53 จังหวัด เหลือ 37 จังหวัด และปรับเพิ่มพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) จากเดิม 10 จังหวัด เป็น 11 จังหวัด ทำให้ไม่มีพื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) จากเดิมที่มี 1 จังหวัด และพื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) โดยยังคงข้อกำหนดฉบับที่ 28 ออกไปเป็นเวลา 14 วัน เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค.64
“จะเร่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยเริ่มมีผลบังคับใช้หลังเที่ยงคืนวันที่ 2 กรกฎาคมออกไปอีก 14 วัน และจะมีการประเมินผลในวันที่ 18 สิงหาคม หากสถานการณืดีขึ้นก็จะผ่อนคลายมาตรการ แต่หากยังไม่ดีขึ้นอาจขยายเวลาต่อไปจนถึง 31 สิงหาคม…มาตรการนี้ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนแล้ว”
พญ.อภิสมัย กล่าว
สำหรับมาตรการป้องกันและควบคุมโรคในสถานประกอบการจะใช้วิธี Bubble and Seal โดยมีหลักการ “จัดกลุ่ม-คุมไว-ลดแพร่กระจาย-รายได้ไม่สูญเสีย” เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถลดการเสียชีวิตและจำนวนผู้ป่วยอาการหนักให้อยู่ในระดับที่ระบบสาธารณสุขรองรับได้ ขณะเดียวกันยังสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้
“เพื่อลดการร่วมกลุ่มทำกิจกรรมในช่วง 14 วันหลังจากนี้ในทุกพื้นที่ แม้ยังไม่มีรายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ก็ตาม”
พญ.อภิสมัย กล่าว
ผู้ช่วยโฆษก ศบค.กล่าวว่า ขณะเดียวกันจะเร่งกระจายการให้บริการฉีดวัคซีนกับกลุ่มเป้าหมาย คือ บุคลากรทางการแพทย์ทุกประเภท ผู้สูงอายุ กลุ่มเสี่ยง 7 โรค และหญิงตั้งครรภ์ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และมีการแพร่ระบาดสูง ให้ได้ 50% ของจำนวนทั้งหมด โดยพบว่าจำนวนผู้เสียชีวิตมีสัดส่วนของผู้สูงอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปมากถึง 87% และยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนถึง 74%
พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ กาญจนบุรี ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ตาก นครปฐม นครนายก นครราชสีมา นราธิวาส นนทบุรี ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี เพชรบูรณ์ ยะลา ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สงขลา สิงห์บุรี สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สระบุรี สุพรรณบุรี และอ่างทอง
โดยปรับมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
1.ปรับมาตรการจำหน่ายอาหารแบบสำหรับร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ หรือสถานประกอบการอื่นผ่านระบบดิลิเวอรี่ ร้านยา/เวชภัณฑ์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต เปิดได้ไม่เกิน 20.00 น. โดยผู้ประกอบการจัดทำมาตรการ DMHT จัดพนักงานในการส่งอาหารไปยังจุดส่งอาหาร ห้ามเปิดบริการหน้าร้าน
2.ปิดร้านเสริมสวย ร้านนวด สถานเสริมความงาม
3.งดการเรียนการสอนในสถานศึกษาทุกระดับสถาบันกวดวิชา ไม่ให้มีการจัดกิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมาก
4.ปิดสถานที่เล่นกีฬาหรือแข่งขันกีฬา
“มาตรการส่วนใหญ่บังคงเป็นไปตามข้อกำหนดฉบับที่ 28 โดยพื้นที่สีแดงเข้มห้ามรวมกลุ่มเกิน 5 คน สีแดงไม่เกิน 20 คน และสีส้มไม่เกิน 50 คน งดเดินทางข้ามพื้นที่”
พญ.อภิสมัย กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ส.ค. 64)
Tags: lifestyle, ร้านอาหาร, ล็อกดาวน์, ศบค., ห้างสรรพสินค้า